ในวันที่ 28 มีนาคม 2568 เกิดแผ่นดินไหว ขนาด 7.7 ริกเตอร์ ความลึก 10 กิโลเมตร

ภาพจาก Mindtre AI (https://mindtreai.com) ใส่ข้อมูลจาก USGS ผ่าน GenAI



ตามที่เป็นข่าว แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหว เมื่อผมดูจาก Google Map ผ่านดาวเทียมแล้ว พื้นที่ใกล้ศูนย์กลางแผ่นดินไหว เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่

เลยขอเขียนประวัติศาสตร์และข้อมูลเกี่ยวกับทะเลสาบแห่งนี้มาเล่าสู่กันฟัง
ทะเลสาบ Yay Hkar Inn (Yay Myat Gyi Inn), ประเทศเมียนมา
ประวัติศาสตร์ของ Yay Hkar Inn
Yay Hkar Inn เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ในเขตภาคกลางของประเทศเมียนมา ซึ่งมีความสำคัญทั้งทางธรรมชาติและชุมชนท้องถิ่นมายาวนาน ทะเลสาบแห่งนี้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ (ไม่ใช่อ่างเก็บน้ำที่มนุษย์สร้าง) และปรากฏอยู่บนแผนที่มานานหลายทศวรรษ ในภาษาพม่า คำว่า “Inn” หมายถึงทะเลสาบ ส่วนชื่อ “Yay Myat Gyi” นั้นเป็นชื่อเรียกท้องถิ่นของทะเลสาบนี้ อย่างไรก็ดี บนแผนที่บางฉบับมีการระบุชื่อผิดเป็น “Yay Hkar Inn”
frontiermyanmar.net ซึ่งทั้งสองชื่อหมายถึงสถานที่เดียวกัน นอกจากนี้ ชาวบ้านบางกลุ่มเรียกทะเลสาบนี้ว่า “ทะเลสาบบะดู-ขัตข่า” ตามชื่อหมู่บ้านใกล้เคียง
หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เจาะจงเกี่ยวกับ Yay Hkar Inn โดยตรงนั้นมีจำกัด เนื่องจากทะเลสาบนี้มิได้เป็นที่ตั้งของเมืองโบราณหรือแหล่งโบราณคดีเด่น แต่ทะเลสาบและพื้นที่รอบข้างมีบทบาทในชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนมาตั้งแต่อดีต ไม่ว่าจะเป็นแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรหรือประมงพื้นบ้าน ในสมัยอาณาจักรโบราณ บริเวณนี้อยู่ไม่ห่างจากเมืองสำคัญเช่น สะกายและอมรปุระ แต่ไม่มีบันทึกว่ามีกษัตริย์ใดสร้างเขื่อนหรือโครงการชลประทานขนาดใหญ่ที่ทะเลสาบแห่งนี้ ดังนั้น Yay Hkar Inn จึงน่าจะเป็นแหล่งน้ำตามธรรมชาติที่เกิดจากลักษณะภูมิประเทศ (เช่น แอ่งสะสมตะกอนหรือร่องน้ำเก่าของแม่น้ำ) มากกว่าที่จะเกิดจากการขุดสร้างของมนุษย์
ลักษณะภูมิประเทศและที่ตั้ง
Yay Hkar Inn ตั้งอยู่บนที่ราบภาคกลางของเมียนมา ในเขตภูมิภาคสะกาย (Sagaing Region) ทางตอนใต้ของภูมิภาคและใกล้กับพรมแดนเขตมัณฑะเลย์ ทะเลสาบนี้อยู่ห่างจากเมืองสะกาย (เมืองหลักของภูมิภาค) ไปทางทิศเหนือประมาณ 20–30 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากเมืองตะดาอู (Tada-U) ทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 30 กิโลเมตร
myanmar-now.org (ตะดาอูเป็นที่ตั้งฐานทัพอากาศและอยู่ใกล้สนามบินมัณฑะเลย์) พิกัดของทะเลสาบอยู่ใกล้เคียงละติจูด 22.07° เหนือ ลองจิจูด 95.87° ตะวันออก ซึ่งบ่งชี้ว่าทะเลสาบนี้ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ำอิรวดีตอนกลาง
ลักษณะภูมิประเทศของบริเวณนี้เป็นที่ราบลุ่มค่อนข้างแบน โดยมีความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่มาก พื้นที่โดยรอบเป็นทุ่งนาและหมู่บ้านชนบทกระจายอยู่ทั่วไป Yay Hkar Inn มีขนาดใหญ่มาก – แหล่งข้อมูลหนึ่งระบุว่าพื้นที่ผิวน้ำของทะเลสาบใกล้เคียงกับครึ่งหนึ่งของพื้นที่เมืองมัณฑะเลย์เลยทีเดียว
frontiermyanmar.net เมื่อมองจากแผนที่หรือภาพถ่ายดาวเทียม จะเห็นว่าทะเลสาบมีรูปร่างแผ่กว้าง มีลำน้ำหรือคูน้ำเล็กๆ เชื่อมต่อกับพื้นที่ข้างเคียงบางส่วน สันนิษฐานว่าทะเลสาบนี้รับน้ำจากน้ำฝนและลำน้ำสาขาในช่วงฤดูฝน ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงและพื้นที่ผิวน้ำขยายออก ส่วนในฤดูแล้งน้ำจะลดระดับลงอย่างมากจนเกิดสันดอนหรือชายฝั่งกว้างรอบๆ ทะเลสาบ
ภูมิประเทศใต้ผิวน้ำของทะเลสาบค่อนข้างตื้นและราบเรียบ จากคำบอกเล่าของผู้ที่เคยเยี่ยมชม เมื่อระดับน้ำลดต่ำสุด จะมองเห็นลวดลายหรือริ้วรอยบนพื้นดินก้นทะเลสาบที่แห้งคล้ายกับลายเส้นนาซก้า (Nazca Lines) ในเปรู เมื่อมองจากมุมสูง
wikimapia.org ลวดลายเหล่านี้อาจเกิดจากร่องรอยการไถหรือคันนาเก่า รวมถึงการแตกแตกระแหงของดินเมื่อตะกอนแห้ง การที่พื้นท้องน้ำเผยให้เห็นลวดลายดังกล่าวเป็นสิ่งสะท้อนว่า Yay Hkar Inn มีการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำตามฤดูกาลอย่างชัดเจน และพื้นที่บางส่วนของทะเลสาบถูกใช้งานเป็นพื้นที่เกษตรเมื่อเข้าสู่หน้าแล้ง
ระบบนิเวศในพื้นที่
Yay Hkar Inn ถือเป็นระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงแห่งหนึ่งของภาคกลางเมียนมา สภาพแวดล้อมของทะเลสาบและพื้นที่ชายน้ำเอื้อให้เกิดความหลากหลายของสัตว์น้ำและพืชน้ำ ไม่ว่าจะเป็นปลาน้ำจืด สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก สัตว์เลื้อยคลานน้ำจืด ตลอดจนสัตว์ป่าที่ใช้น้ำเป็นแหล่งอาศัยหรือแหล่งอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นกน้ำและนกอพยพ ที่มาเยือนบริเวณนี้ในฤดูหนาวจำนวนมาก ผลการสำรวจหนึ่งในปี 2017–2018 พบว่าทะเลสาบแห่งนี้มีชนิดนกอย่างน้อย 77 ชนิด อาศัยอยู่ ซึ่งเป็นจำนวนชนิดนกสูงที่สุดเมื่อเทียบกับพื้นที่ชุ่มน้ำ 12 แห่งที่ทำการสำรวจในเขตภาคกลางของประเทศเมียนมา
cepf.net นกน้ำที่พบมีทั้งนกประจำถิ่นและนกที่อพยพหนีหนาวมาจากไซบีเรีย จีน หรือที่ราบสูงทิเบตในช่วงปลายปี เช่น เป็ดป่า เป็ดหงส์ นกกระสา นกกระเรียน นกเป็ดน้ำ และนกชายเลนหลากหลายชนิด โดยนกอพยพมักจะเริ่มทยอยเข้ามาในราวเดือนธันวาคม และใช้ทะเลสาบแห่งนี้เป็นแหล่งหาอาหารจนถึงประมาณเดือนมีนาคมของปีถัดไป ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าว Yay Hkar Inn จึงมีความคึกคักไปด้วยฝูงนกน้ำจำนวนมาก
ด้วยขนาดพื้นที่กว้างใหญ่ของทะเลสาบ ทำให้สามารถรองรับประชากรนกน้ำได้ครั้งละเป็นจำนวนมาก เคยมีการบันทึกจำนวน นกน้ำหลายพันตัว ในบริเวณทะเลสาบช่วงฤดูหนาว นอกจากนี้ ยังมีรายงานการพบสัตว์หายากในพื้นที่ชุ่มน้ำภาคกลางเมียนมา เช่น เป็ดดำน้ำหัวสั้น (Baer’s Pochard) ซึ่งเป็นเป็ดน้ำใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง แม้จะยังไม่มีการยืนยันว่าพบใน Yay Hkar Inn โดยตรง (เป็ดชนิดนี้พบล่าสุดในทะเลสาบ Pyu ที่อยู่ทางใต้) แต่ความหลากหลายของนกที่ Yay Hkar Inn สะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศที่อาจสนับสนุนการดำรงชีวิตของสัตว์หายากได้เช่นกัน
นอกจากนกแล้ว ทะเลสาบยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำจืดอื่นๆ เช่น ปลา หลายชนิดที่เป็นแหล่งอาหารสำคัญของทั้งนกและมนุษย์ ปลาน้ำจืดที่คาดว่าจะพบได้ ได้แก่ ปลาตะเพียน, ปลานิล, ปลากระโห้, ปลาช่อน และปลาดุก เป็นต้น ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่มักจับปลาเหล่านี้เพื่อบริโภคและขายเป็นรายได้เสริม ระบบพืชพรรณในทะเลสาบมีทั้งพืชน้ำลอยน้ำจำพวกผักตบชวา จอก แหน รวมถึงไม้น้ำที่มีราก เช่น บัวสาย บัวหลวง และกกชนิดต่างๆ บริเวณชายฝั่งทะเลสาบที่เป็นที่ลุ่มตื้นมักมีหญ้าขึ้นปกคลุมหนาแน่นในหน้าแล้ง ซึ่งเมื่อเข้าสู่ฤดูน้ำหลาก พืชเหล่านี้จะจมน้ำกลายเป็นแหล่งหลบภัยและวางไข่ของปลาและสัตว์น้ำเล็กๆ ระบบนิเวศทั้งหมดนี้สร้างความสมดุลให้แก่พื้นที่ โดยทะเลสาบทำหน้าที่เสมือน “โอเอซิส” กลางเขตที่ราบแห้งแล้งของภาคกลางเมียนมา เป็นทั้งที่อยู่ของสัตว์ป่า แหล่งอาหาร แหล่งน้ำดื่ม และช่วยปรับสภาพภูมิอากาศในท้องถิ่นให้ชุ่มชื้นยิ่งขึ้น
การท่องเที่ยว
ภาพ: บรรยากาศพระอาทิตย์ตกดินที่ทะเลสาบ Yay Myat Gyi (Yay Hkar Inn) แสงสีของท้องฟ้ายามเย็นสะท้อนลงบนผืนน้ำกว้างใหญ่ สวยงามดึงดูดนักท่องเที่ยวผู้รักธรรมชาติ
แม้ Yay Hkar Inn จะไม่ได้เป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังที่มีนักท่องเที่ยวพลุกพล่านเหมือนทะเลสาบอินเลหรือแหล่งท่องเที่ยวอื่นในเมียนมา แต่ทะเลสาบแห่งนี้ก็มี เสน่ห์เฉพาะตัว ที่ดึงดูดผู้มาเยือนที่สนใจธรรมชาติและวิถีชีวิตพื้นบ้าน จุดเด่นที่สุดอย่างหนึ่งคือทัศนียภาพยามพระอาทิตย์ตกดินเหนือผืนน้ำกว้าง ผู้ที่เคยไปเยือนเล่าว่าเขาได้เห็นพระอาทิตย์ตกที่งดงามที่สุดในชีวิตที่ทะเลสาบแห่งนี้ โดยเฉพาะเมื่อท้องฟ้าเปิดและมีเมฆบางเบา สีสันของท้องฟ้ายามเย็นจะสะท้อนลงน้ำเป็นภาพประทับใจ
frontiermyanmar.net อย่างไรก็ตาม เมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า นักท่องเที่ยวควรเตรียมป้องกันยุงให้ดี เพราะบริเวณนี้มียุงชุกชุมหลังเวลาพลบค่ำ
กิจกรรมท่องเที่ยวที่สามารถทำได้ที่ Yay Hkar Inn คือ การล่องเรือชมทะเลสาบ นักท่องเที่ยวสามารถว่าจ้างเรือหาปลาของชาวบ้านในหมู่บ้านริมทะเลสาบเพื่อนั่งชมวิวและสัมผัสความกว้างใหญ่ของทะเลสาบได้
frontiermyanmar.net โดยจุดว่าจ้างเรือจะอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งบริเวณชายฝั่ง (ตามพิกัดที่มีผู้แนะนำไว้ คือ 22.035546°N, 95.928043°E) การล่องเรือใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับเส้นทางที่แล่น หากไปช่วงน้ำมาก (ปลายฝนต้นหนาว) จะสามารถแล่นเรือได้ทั่วถึงหลากหลายมุมของทะเลสาบ ส่วนช่วงน้ำลด (ปลายฤดูหนาวต่อฤดูร้อน) บางพื้นที่อาจตื้นเขินจนเรือเข้าไม่ถึง นักท่องเที่ยวที่สนใจการดูนกสามารถมาเยือนในช่วงฤดูหนาว (พฤศจิกายน–กุมภาพันธ์) ซึ่งจะมีนกอพยพให้ชมจำนวนมาก โดยควรเตรียมกล้องส่องทางไกลมาด้วยเพื่อสังเกตพฤติกรรมนกน้ำตามชายฝั่งและเกาะเล็กๆ ในทะเลสาบ
การเดินทางมายัง Yay Hkar Inn สามารถทำได้จากเมืองมัณฑะเลย์หรือเมืองสะกาย โดยใช้รถยนต์ผ่านเส้นทางถนนชนบท ใช้เวลาประมาณ 1–2 ชั่วโมง (ระยะทางราว 30-40 กิโลเมตรขึ้นอยู่กับจุดเข้าถึง) สภาพถนนในบางช่วงอาจไม่ราบรื่นนัก โดยเฉพาะช่วงใกล้ทะเลสาบที่อาจเป็นถนนลูกรังหรือคันนา นักท่องเที่ยวจึงควรใช้ยานพาหนะที่เหมาะสมหรือว่าจ้างไกด์ท้องถิ่นที่ชำนาญทาง ฤดูกาลที่เหมาะสมในการท่องเที่ยวคือ ปลายฝนถึงฤดูหนาว กล่าวคือประมาณเดือนตุลาคมถึงกุมภาพันธ์ เนื่องจากอากาศเย็นสบาย น้ำในทะเลสาบยังมีปริมาณมากพอสำหรับล่องเรือ และมีนกอพยพให้ชม อีกทั้งเป็นช่วงที่เส้นทางสัญจรสะดวก (หลังฝนตกหนักถนนแห้งดีแล้ว) ไม่แนะนำให้มาในช่วงหน้าฝนลึกๆ (มิถุนายน–กันยายน) เพราะฝนตกหนักอาจทำให้ถนนเข้าออกเลอะโคลนและน้ำท่วมขังได้ อย่างไรก็ดี ช่วงต้นฤดูฝน (ประมาณพฤษภาคม–มิถุนายน) ทะเลสาบที่กำลังรับน้ำใหม่ก็มีความสวยงามสดชื่น และพืชพรรณรอบข้างเขียวขจี เหมาะแก่การถ่ายภาพเช่นกัน
ด้านสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว รอบๆ Yay Hkar Inn ยังไม่มีรีสอร์ทหรือโรงแรมใหญ่โตตั้งอยู่ การมาเยือนส่วนใหญ่จึงเป็นแบบไปเช้า-เย็นกลับจากตัวเมืองใกล้เคียง (เช่น มัณฑะเลย์) นักท่องเที่ยวที่ต้องการพักค้างแรมอาจต้องพักในเมืองแล้วเดินทางมาเที่ยวในช่วงกลางวัน อย่างไรก็ตาม การได้สัมผัสบรรยากาศเรียบง่ายของหมู่บ้านริมทะเลสาบ เช่น การเห็นชาวบ้านจับปลาและอาบน้ำซักผ้าริมฝั่งน้ำ ก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของการท่องเที่ยวเชิงชนบทที่นี่
การใช้ประโยชน์ของพื้นที่
Yay Hkar Inn เป็นทรัพยากรน้ำที่มีคุณค่าต่อวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่นหลายหมู่บ้านที่ตั้งอยู่โดยรอบ พื้นที่รอบทะเลสาบถูกใช้ประโยชน์ในด้าน เกษตรกรรมและประมง เป็นหลัก โดยในฤดูฝนที่น้ำหลาก ชาวบ้านจะทำนาปลูกข้าวบริเวณพื้นที่ราบลุ่มรอบๆ ส่วนในฤดูแล้งที่ระดับน้ำลดลง พื้นที่บางส่วนของทะเลสาบที่แห้งกลายเป็นพื้นดินก็ถูกใช้ปลูกพืชฤดูแล้ง เช่น ถั่ว งา หรือพืชอาหารสัตว์ นอกจากนี้ พื้นที่ชายน้ำที่เป็นทุ่งหญ้าเปิดยังใช้เป็นแหล่งเลี้ยงปศุสัตว์ โดยเฉพาะการปล่อยโคกระบือให้หากินหญ้าเมื่อน้ำลด
การประมงพื้นบ้าน ในทะเลสาบ Yay Hkar Inn เป็นอีกแหล่งรายได้และอาหารสำคัญของชุมชน ในช่วงที่น้ำมาก ชาวประมงท้องถิ่นจะออกจับปลาด้วยวิธีดั้งเดิม เช่น ใช้อวน แห หรือทำลอบดักปลา ปลาที่ได้มีทั้งเพื่อนำมาบริโภคในครัวเรือนและจำหน่ายในตลาดท้องถิ่น รายงานการสำรวจด้านเศรษฐกิจสังคมพบว่า ชาวบ้านที่อาศัยรอบๆ พื้นที่ชุ่มน้ำภาคกลางเมียนมาส่วนมากประกอบอาชีพเกษตรกรรม (ราว 55%) รองลงมาคือประมง (ประมาณ 14%)
cepf.net ซึ่งสัดส่วนนี้สะท้อนให้เห็นว่าทั้งการเกษตรและการประมงต่างพึ่งพิงทะเลสาบในการหล่อเลี้ยงชีวิตและชุมชน ตัวอย่างเช่น น้ำจากทะเลสาบถูกนำมาใช้หล่อเลี้ยงนาข้าวในช่วงต้นฤดูปลูก และใช้รดพืชผักสวนครัวในฤดูแล้ง ส่วนปลาจากทะเลสาบก็เป็นแหล่งโปรตีนราคาถูกให้กับคนในหมู่บ้าน
นอกจากด้านเกษตรและประมงแล้ว ทะเลสาบยังถูกใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ ได้แก่ การอุปโภคบริโภคและการใช้สอยในชีวิตประจำวัน ชาวบ้านบางส่วนใช้น้ำจากทะเลสาบในการซักผ้า อาบน้ำ (โดยเฉพาะช่วงขอบริมที่น้ำไม่ลึก) รวมถึงการเป็นแหล่งน้ำให้สัตว์เลี้ยงดื่ม นอกจากนี้ ในฤดูแล้งเมื่อระดับน้ำลดลงอย่างมาก พื้นดินดอนที่เกิดขึ้นกลางทะเลสาบอาจถูกใช้เป็นทางสัญจรชั่วคราวหรือใช้ตากพืชผลทางการเกษตร เช่น ตากฟาง ตากข้าวเปลือก เป็นต้น จะเห็นได้ว่าทะเลสาบ Yay Hkar Inn เปรียบเสมือนธนาคารอาหารและน้ำของคนท้องถิ่น ที่คอยหล่อเลี้ยงทั้งการปลูกข้าว ปลาอาหาร และน้ำใช้ หากขาดทะเลสาบนี้ไป ชุมชนโดยรอบย่อมจะประสบความเดือดร้อนอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม การใช้ประโยชน์พื้นที่ก็สร้างแรงกดดันต่อระบบนิเวศของทะเลสาบด้วย ในปัจจุบันมีการใช้ปุ๋ยเคมีและสารกำจัดศัตรูพืชในพื้นที่เกษตรรอบทะเลสาบ ซึ่งอาจไหลลงน้ำส่งผลต่อคุณภาพน้ำและสิ่งมีชีวิตในทะเลสาบ นอกจากนี้ การจับปลามากเกินไปหรือใช้อุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสมก็อาจทำให้ทรัพยากรปลาลดลง ชุมชนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงเริ่มตระหนักถึงความจำเป็นในการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน มีความพยายามในการเผยแพร่ความรู้เรื่องการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำและความหลากหลายทางชีวภาพให้แก่ชาวบ้าน เช่น โครงการสำรวจและอนุรักษ์นกน้ำ ที่เผยให้เห็นคุณค่าของทะเลสาบในฐานะแหล่งอาศัยของสัตว์ป่า ซึ่งความรู้เหล่านี้จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์ที่สมดุลระหว่างคนกับธรรมชาติมากขึ้น
ความเชื่อมโยงกับรอยเลื่อนสะกายและความเสี่ยงทางธรณีวิทยา
ทะเลสาบ Yay Hkar Inn ตั้งอยู่ใกล้กับแนวรอยเลื่อนสะกาย (Sagaing Fault) ซึ่งเป็นรอยเลื่อนมีพลังขนาดใหญ่ที่พาดผ่านตอนกลางของประเทศพม่าในแนวเหนือ-ใต้ มีความยาวประมาณ 1,200 กิโลเมตร และเป็นรอยต่อระหว่างแผ่นเปลือกโลกย่อยโบราณสองแผ่น (ซุนดาและพม่า)
nationthailand.com รอยเลื่อนนี้ได้รับการจัดว่าเป็นหนึ่งในรอยเลื่อนที่มีพลังและมีศักยภาพก่อให้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากบันทึกทางประวัติศาสตร์ นักธรณีวิทยาพบว่าตลอดช่วงประมาณ 5-6 ศตวรรษที่ผ่านมา รอยเลื่อนสะกายได้ก่อให้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.0 ขึ้นไปมาแล้วประมาณ 70 ครั้ง โดยเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งคือแผ่นดินไหวขนาดประมาณ 8.0 ที่เกิดใกล้เมืองมัณฑะเลย์ในปี ค.ศ.1912
nationthailand.com ดังนั้นพื้นที่บริเวณตอนกลางเมียนมารวมถึงเขตทะเลสาบ Yay Hkar Inn จึงมีความเสี่ยงทางธรณีวิทยาค่อนข้างสูงจากภัยแผ่นดินไหว
ด้วยตำแหน่งที่ตั้งของ Yay Hkar Inn ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของเมืองสะกายและไม่ห่างจากรอยเลื่อนสะกายมากนัก ทำให้เวลาที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ตามแนวรอยเลื่อนนี้ ชุมชนรอบทะเลสาบอาจได้รับแรงสั่นสะเทือนรุนแรง โครงสร้างพื้นฐานอย่างบ้านเรือน อาคาร รวมถึงคันดินหรือคันทำนบเล็กๆ รอบทะเลสาบอาจได้รับความเสียหายได้ นอกจากนี้ แผ่นดินไหวยังอาจก่อให้เกิดปรากฏการณ์ “ไซส์” (seiche) ในทะเลสาบได้ ซึ่งไซส์คือคลื่นน้ำขนาดใหญ่ที่เกิดจากการสั่นของแอ่งน้ำปิด เช่น ทะเลสาบหรืออ่างเก็บน้ำ เมื่อเกิดการเขย่ากระเทือนอย่างแรงจากแผ่นดินไหว น้ำในทะเลสาบอาจกระเพื่อมจนเกิดคลื่นสูงซัดเข้าหาฝั่ง ส่งผลให้คันดินตลิ่งพังหรือพื้นที่ริมฝั่งถูกน้ำท่วมฉับพลันได้ แม้ Yay Hkar Inn จะไม่มีเขื่อนกั้นน้ำขนาดใหญ่ แต่แรงสั่นสะเทือนมากๆ ก็อาจทำให้ดินริมน้ำทรุดตัวหรือเกิดรอยแยก ซึ่งอาจเปลี่ยนทิศทางการไหลของน้ำบางส่วนหรือทำให้น้ำซึมหายไปในโพรงดินใต้ดินได้ในบางกรณี
ตัวอย่างเหตุการณ์ล่าสุดที่ตอกย้ำถึงความเสี่ยงนี้ คือแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2025 ตามแนวรอยเลื่อนสะกาย มีการวัดความรุนแรงได้ถึง ขนาด 8.2 แมกนิจูด แรงสั่นสะเทือนจากเหตุการณ์ดังกล่าวรับรู้ได้ชัดเจนทั่วประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน และได้ก่อความเสียหายในพื้นที่ห่างไกลถึงกรุงเทพมหานคร (เช่น ทำให้อาคารที่กำลังก่อสร้างในเขตจตุจักรพังถล่ม) เหตุการณ์นี้ชี้ให้เห็นถึงความเปราะบางของภูมิภาคต่อกิจกรรมแผ่นดินไหวครั้งใหญ่
nationthailand.com สำหรับบริเวณเมียนมาเอง เมืองมัณฑะเลย์ซึ่งอยู่ใกล้จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวได้รับความเสียหายอย่างหนัก ผู้คนต่างตื่นตระหนกกับแรงสั่นสะเทือนรุนแรงที่เกิดขึ้น ในพื้นที่ชนบทอย่างรอบๆ Yay Hkar Inn ก็มีรายงานว่ารู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนดังกล่าว แม้ความเสียหายจะไม่เป็นข่าวใหญ่เท่าในเขตเมือง แต่ก็สร้างความกังวลแก่ชาวบ้านเกี่ยวกับความมั่นคงของบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างพื้นฐานในอนาคต
โดยสรุป ความเชื่อมโยงของ Yay Hkar Inn กับรอยเลื่อนสะกายคือ ที่ตั้งของทะเลสาบอยู่ในเขตเสี่ยงภัยแผ่นดินไหว ดังนั้นในการพัฒนาใดๆ ในพื้นที่นี้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสิ่งปลูกสร้างหรือโครงสร้างพื้นฐานชลประทาน จำเป็นต้องคำนึงถึงปัจจัยด้านภัยธรณีวิทยาอย่างเคร่งครัด ชุมชนท้องถิ่นควรได้รับการฝึกซ้อมรับมือเหตุแผ่นดินไหว และมีระบบแจ้งเตือนภัยที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ นักวิชาการธรณีฯ บางส่วนตั้งข้อสันนิษฐานว่าการที่มีทะเลสาบหรือแอ่งน้ำหลายแห่งตามแนวรอยเลื่อนสะกาย (เช่น Taung Tha Man, Paleik Inn, Yay Myat Gyi Inn เป็นต้น) อาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่อาจเชื่อมโยงกับโครงสร้างธรณีวิทยาใต้ดิน เช่น การทรุดตัวของดินตามรอยเลื่อนซึ่งทำให้เกิดแอ่งสะสมตัวของน้ำตามแนว (ปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Sag Pond) แม้จะยังไม่มีการศึกษาลึกซึ้งในกรณีของ Yay Hkar Inn โดยตรง แต่สมมติฐานนี้ก็น่าสนใจและควรค่าแก่การวิจัยต่อไป เพราะจะช่วยให้เข้าใจการกำเนิดของทะเลสาบและประเมินความเสี่ยงทางธรรมชาติได้ดีขึ้น
ข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
- ความสำคัญด้านการอนุรักษ์: Yay Hkar Inn ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในพื้นที่ชุ่มน้ำที่ควรได้รับการอนุรักษ์ในเขตภาคกลางของเมียนมา จากโครงการสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพที่ได้รับการสนับสนุนโดยสหภาพยุโรปและหน่วยงานท้องถิ่น มีข้อเสนอว่าอย่างน้อยพื้นที่ชุ่มน้ำจำนวน 10 แห่ง (รวมถึง Yay Myat Gyi Inn) ควรมีมาตรการคุ้มครองและจัดการอย่างยั่งยืน เนื่องจากมีความสำคัญทั้งต่อการอพยพของนกน้ำและต่อวิถีชีวิตชุมชนcepf.net ผลการศึกษาดังกล่าวได้ถูกนำเสนอต่อรัฐบาลระดับภูมิภาคเพื่อพิจารณาดำเนินการในอนาคต
- การเรียกชื่อและการรับรู้ของคนทั่วไป: ดังที่ได้กล่าวไป ชื่อของ Yay Hkar Inn อาจสร้างความสับสนได้เนื่องจากการสะกดที่ต่างกัน (“Yay Myat Gyi” กับ “Yay Hkar Inn”) อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมและนักวิชาการมักใช้ชื่อ Yay Myat Gyi Inn ในการอ้างอิงถึงทะเลสาบแห่งนี้ เนื่องจากถือเป็นชื่อที่ถูกต้องตามภาษาและการออกเสียงพม่า ส่วนชื่อ Yay Hkar Inn นั้นเกิดจากการสะกดผิดพลาดบนแผนที่และสื่อบางแหล่ง การเข้าใจเรื่องชื่อที่ถูกต้องมีความสำคัญในการค้นคว้าข้อมูลและสื่อสารเกี่ยวกับทะเลสาบนี้ เช่น หากค้นหาผ่านระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์หรือรายงานทางวิชาการ ควรใช้ชื่อ Yay Myat Gyi Inn จึงจะพบข้อมูลที่ตรงที่สุด
- เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่: พื้นที่รอบ Yay Hkar Inn แม้จะสงบเงียบแต่ก็เคยปรากฏในข่าวสารอยู่บ้าง เช่น เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2022 เกิดเหตุเครื่องบินฝึกของกองทัพเมียนมาตกใกล้กับทะเลสาบ (บริเวณหมู่บ้านโอง์ตอว์ทางด้านตะวันตกของทะเลสาบ) โดยเครื่องบินตกลงในที่นาไม่ไกลจากชายฝั่งด้านหนึ่งของ Yay Hkar Inn ส่งผลให้นักบินเสียชีวิตmyanmar-now.org เหตุการณ์นี้แม้ไม่เกี่ยวข้องกับตัวทะเลสาบโดยตรง แต่ก็ทำให้ชื่อของ Yay Hkar Inn ปรากฏในรายงานข่าวระหว่างประเทศ และชี้ให้เห็นว่าพื้นที่ชนบทแห่งนี้ยังคงมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ (เนื่องจากอยู่ในเส้นทางบินฝึกซ้อม)
- ภาพรวมและแนวโน้มอนาคต: โดยภาพรวม Yay Hkar Inn เป็นทะเลสาบธรรมชาติขนาดใหญ่ที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีบทบาทหลายมิติ ทั้งเป็นแหล่งทรัพยากรของชุมชน แหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า และมีศักยภาพในการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศในอนาคต ความท้าทายคือการรักษาสมดุลระหว่างการใช้ประโยชน์กับการอนุรักษ์ เช่น การควบคุมมลพิษจากภาคการเกษตร การจัดโซนนิ่งพื้นที่จับปลา และการเตรียมพร้อมรับมือภัยธรรมชาติอย่างแผ่นดินไหว ในอนาคต หากมีการจัดการอย่างเป็นระบบและการมีส่วนร่วมของชุมชน Yay Hkar Inn อาจได้รับการประกาศให้เป็นพื้นที่อนุรักษ์อย่างเป็นทางการ หรืออาจถูกรวมเข้าในเครือข่ายเขตพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับชาติหรือนานาชาติ เช่น การขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำตามอนุสัญญาแรมซาร์ ทั้งนี้เพื่อประกันว่าทะเลสาบแห่งนี้จะคงความอุดมสมบูรณ์และคุณค่าของมันไว้ให้คนรุ่นหลังได้ใช้ประโยชน์และชื่นชมต่อไป
สวัสดี
Nontawatt s