on Aug 14, 2006 1:17 am.
ภาพจาก blog.icicom.up.pt
เมื่อเราย้อนหลังไปอีกนิด เรื่องจาก wikipedia เริ่มมีการเปิดให้สำหรับผู้คนมาใส่เนื้อหา และข้อมูลเองได้ ทำให้เกิดเป็นชุมชน online ที่มากด้วยความเอื้อเฝือสร้างสรรค์ จนเกิดเป็น free encyclopedia
ซึ่งเป็นสารานุกรมที่ขนาดข้อมูลมากชนิดที่ว่าอยากรู้คำนิยาม อะไรก็สามารถหาได้จาก wikipedia รวมถึงเหตุการณ์ต่างๆ ตามวัน เวลา ปี พศ อื่นๆอีกมากมาย นี้แหละครับ จุดกำเนิดของแนวคิดและการพัฒนา web 2.0 ตามความเข้าใจของผม ปรัชญาอย่างหนึ่งที่สัมผัสได้ นั่นคือ มนุษย์เราต้องการความคิดที่อิสระ เปิดเผย ร่วมแรงร่วมใจกัน ทำเพื่อสังคม นี่คงเป็นสันชาตญาณในส่วนลึกที่ดีของมนุษย์ จึงก่อให้เกิดความนิยม ขึ้นจากเทคโนโลยีเช่นนี้
อีกไม่นาน เราก็พบว่า google , yahoo หรือ msn ก็นำความคิดที่คล้ายคลึงกันผลิตเทคโนโลยี หลากหลายด้วยสื่อภาษาทางโปรแกรม จนเกิดนวัฒกรรมใหม่ เช่น Google ได้สร้าง maps.google.com และมีผู้คนต่อยอดจากสิ่งนี้ (google map Mashup) จนเกิดผลพ่วงแห่งจิตนาการ ของผู้หลงไหลเทคโนโลยี รวมถึงผม และทีมงาน ได้ต่อยอดทาง map google จนเป็นผลงาน เช่น http://map.sran.net/webid/ ขึ้นมาเป็นต้น ยังมีอีกหลายเทตโนโลยี web 2.0 ที่น่าสนใจ เรามาฟังกันหน่อย เผื่อว่าจะต่อยอดแนวคิดต่อไป
ขอชี้แจงอีกนิดสำหรับ web 2.0 จุดหนึ่งที่น่าสนใจ คือ การมีส่วนร่วมในทางสร้างสรรค์ และก่อเกิดชุมชน online อย่างอิสระภาพ ในแบบเฉพาะของกลุ่มคน ผมขอยกตัวอย่าง เช่น
Frappr ให้บริการชุมชน online ผ่านเทคโนโลยี google map ทำให้เกิดการสื่อสารไร้พรมแดน และสร้างความสนใจที่ตนเองมี กับกลุ่มเพื่อนใหม่ ที่สนใจในสิ่งเดียวกับเรา
Flickr บริการแบ่งปันรูป กลายเป็น Gallery ขนาดใหญ่ และเป็นแหล่งเก็บรูปภาพที่ไม่มีวันเต็ม สามารถเผยแพร่ได้ทั้งเป็นแบบสาธารณะ ,เฉพาะกลุ่ม หรือไม่เปิดเผยได้ ทุกวันนี้ผมก็เป็นสมาชิก flickr อยู่หลาย account เนื่องจากไม่ต้องการเก็บภาพ ในการตกแต่ง web ไว้ในเครื่อง ก็เก็บไว้ที่ flickr พอหมดเดือน ก็เริ่มนับความจุใหม่ รวดเร็ว แถมสามารถปรับแต่งขนาด size ของภาพได้เองอัตโนมัติ สมควรแล้วที่ yahoo ได้ซื้อ flickr ไปเมื่อปีที่แล้ว
youtube ในสมัยนี้คงยากที่จะไม่มีใครรู้จัก youtube ผู้ก่อตั้งเป็นคนสัญชาติจีน ที่เต็มไปด้วยความน่าสนใจ เป็นแหล่งเก็บ clip video ที่ใหญ่ ไม่แพ้กับ video.google.com แตกต่างตรงที่ youtube เป็น clip video ที่มีชีวิต ชีวา ง่ายในการใช้งาน ร่วมถึง มีความชาญฉลาดในส่วนจดจำ สมาชิก ใช้เวลาไม่ถึงปี ทำให้คนทั่วโลกได้รู้จัก youtube ได้ จากโฆษณารองเท้ากีฬายี่ห้อหนึ่ง ที่หัน มาใช้เทคโนโลยีโฆษณาผ่าน clip video แล้วไปเผยแพร่ใน youtube จนยอด download clip นี้จำนวนมากในแต่ละวัน ถือได้ว่าเป็น จุดพลิกวงการสื่อโฆษณา ที่อาจเปลี่ยนกลยุทธ โฆษณาผ่าน clip video มากขึ้น เพราะลงทุนต่ำแต่ผลลัพท์ กับเกินความคาดหมาย
clickcaster เทคโนโลยี pod cast ที่น่าสนใจ ในการบันทึกเสียง และสร้างเป็น blog โดยรวบรวม ดาวเด่น เทคโนโลยี bookmarks ไม่ว่าเป็น del.icio.us , digg และ technorati ทำให้ชุมชน online ได้มีการกระจายตัวเพื่อการเผยแพร่อย่างคาดไม่ถึง podcast ของ clickcaster น่าสนใจตรงที่ เราสามารถออกแบบรายการ และบันทึกเสียง เก็บเพื่อเผยแพร่บนอินเตอร์เน็ทได้อย่างยอดเยี่ยม โดยที่ไม่ต้องอิงแนวเก่าที่ต้องเป็นนักจัดรายการวิทยุ และวิทยุ online แต่นี้เป็น blog station ที่ตัวเราเองสามารถเป็นทั้งพิธีกร และเขียนบทเอง ได้อีกด้วย น่าสนใจมาก
ที่ยกตัวอย่าง web 2.0 มา ก็อาจมีคนตั้งคำถามว่า หากทั้งที่กล่าว เกิดขึ้นใน web บริษัทเราทั้งหมดจะได้หรือไม่ ? คำตอบคือ ได้เช่นกัน แต่เราต้องใช้ทรัพยากรในการเก็บข้อมูลจำนวนมาก และระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีพอ พร้อมให้ความเสรียฐภาพระบบได้ ซึ่งที่กล่าวก็อาจจะไม่คุ้มค่าแล้ว
แนวคิดคือ ใช้ทรัพยากรจาก web 2.0 ที่พร้อมให้บริการ จากนั้นหา
– Hosting เพื่อสื่อสาร website
– ติดตั้ง CMS ต่างๆที่เหมาะสม ไม่ว่าเป็น Dupal , Mambo ก็ได้ เพื่อความสะดวกในการบริหารจัดการเนื้อหาใน website
-ใช้ web 2.0 ให้เกิดประโยชน์
– ใช้เทคโนโลยี VoIP ในการติดต่อลูกค้า หรือประชุมทางไกล ไม่ว่าเป็นโปรแกรม ก่ skyp,MSN,yahoo,Gtalk
-ใช้ Paypal มาช่วยในการ ซื้อขายสินค้า
และแล้วธุรกิจ e-commerce ของเราที่ตั้งใจไว้เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วขึ้น
มาถึงตรงนี้ เรามามองโลก IT ในยุคใหม่กัน ไม่ว่าเป็นการทำ e-commerce การโฆษณา การประชาสัมพันธ์ เราคงใช้ทฤษฎีเก่าๆ ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ในอนาคตอีกไม่นานนี้ บริษัทจะเล็กลง เวลาจะหมุนเร็วขึ้น เพราะการแข่งขันที่ดุเดือดขึ้น ทุกคนมีความรู้ใกล้เคียงกัน เพราะสื่ออินเตอร์เน็ท รู้ทันกันมากขึ้น สามารถที่จะำงาน โดยมีคนไม่มาก และทำงานที่ไหนก็ได้ ขอให้ online บนโลกอินเตอร์เน็ท เราจะมีเวลาส่วนตัวมากขึ้น แต่มีข้อจำกัดทางเวลาเป็นเงาตามตัวเช่นกัน เราสามารถบริหารจัดการ รวมทั้งโฆษณาผ่านเทคโนโลยีบนอินเตอร์เน็ทได้ เอง โดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณา ที่ต้องลงทุนมหาศาลต่อไป เรามีอิสระในการสร้างรายได้เอง จากเนื้อหาของ website และประกาศลงในสื่อโฆษณา เช่น google adsense หรือ eBay ครับจะเห็นได้ว่า ในยุคใหม่นี้ เป็นยุคของคนมีความรู้ และคนที่รู้จักประยุกต์ในเทคโนโลยีการสื่อสาร ไม่ได้อิงตามตำราอย่างตรงไปตรงมา งานประชาสัมพันธ์ ต้องเรียนรู้ให้ทันโลก IT ,กลยุทธ์ทางการตลาด ต้องเปลี่ยนแปลง ไม่อิงตามตำราที่เรียนนัก แต่เป็นการรู้ทันข้อมูล และเทคโนโลยี ประกอบกับทฤษฎีที่ได้เรียนมา
้ หากเราเข้าใจ และพร้อมที่จะรับการเปลี่ยนแปลง ธุรกิจที่เราดำเนินอยู่จะปรับสู่โลกแห่งดิจิตอลที่ก้าวไวกว่าคู่แข่งได้
นนทวรรธนะ สาระมาน
Nontawattana Saraman (12/08/49)
บทความจาก http://www.sran.org/index_html/web2