ความรักหลังพิงฝา

เราคงได้คุ้นเคยกับศัพท์ ที่ว่าหมาจนตอก และคำว่าสู้จนหลังพิงฝา มาบ้าง ในความหมายของประโยคนี้ หมายถึงการสู้ ที่ไม่มีทางหนี เพื่อให้อยู่รอด
ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ ความหมายของหัวข้อเรื่องวันนี้หลอกครับ “ความรักหลังพิงฝา” เป็นประโยคที่ผมแต่งเองหลังจากดูหนังเรื่อง ฮาวาน่า (Havana) ฉายเมื่อปี ค.ศ 1990

นำแสดงโดยพระเอกตลอดกาล Robert Redford ใช้ชื่อในเรื่องว่า Jack Weil ผมว่าจะกล่าวถึงหนังเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว เนื่องจากเป็นหนังที่ประทับใจ เป็นหนังรักโรแมนติกผสมกับความรู้ด้านประวัติศาสตร์ ประเทศคิวบา สมัยเปลี่ยนระบอบการปกครอง ชื่อหนังก็เป็นเมืองหลวงของประเทศคิวบา นั้นเองครับ ตัวเอกของเรื่อง ชื่อ Jack Weil นักเล่นพนัน ที่ถือหลักทฤษฎีความน่าจะเป็น เป็นผู้มีรักแท้ในวัยกลางคน ตอนท้ายเรื่อง Jack Weil ได้กลับสู่ประเทศสหรัฐอเมริกา รัฐไมอามี่ การกลับมาดินแดนบ้านเกิดครั้งนี้ ไม่ได้นำคนรักมาด้วย เขามาลำพังเพียงคนเดียว และอยู่ที่พักหนึ่งติดอ่าวไมอามี่ วันหนึ่งๆ ตาแก่ Jack Weil มีชีวิตประจำวันคล้ายๆเดิม คือ อ่านหนังสือ กินกาแฟ ,เดินเรียบชายหาด เพื่อดูว่ามีเรือโดยสารไหนบ้าง ที่รับคนจากคิวบา เผื่อว่าจะเจอคนที่ตัวเองรัก Lena Olin (ในหนังชื่อ Bobby Duran) ผู้หญิงที่แต่งงานกับนักการเมืองใหญ่ในคิวบา และรัก Jack Weil ที่เขาได้ช่วยสามีเธอให้ปลอดภัยจากภัยสงคราม โดยการเล่นพนัน Jack Weil และ Duran รักกัน ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษมากในตัว Jack Weil เขายอมเดินหนี Duran(นางเอก) เพื่อให้ Duran อยู่กับสามีนักการเมืองคิวบา ทั้งที่ใจ Duran ก็ยังรัก Jack Weil กลับมาที่ฉากนี้อีกครั้ง Jack Weil เดินเรียบชายหาด เฝ้ามอง ผู้หญิงผมบรอนด์ ในตาสีฟ้า หน้ากลม ที่เวลาไม่เป็นอุปสรรค จากความทรงจำของ Jack Weil ได้ ว่าเมื่อไหร่ผู้หญิงคนนี้จะกลับมาหาเขาอีกครั้ง
ก่อนจบหนังเรื่องนี้ มีประโยคหนึ่งกล่าวว่า “มีผีเสื้อกระเผือปีกในประเทศจีน ละอองเกสรจากปีกผีเสื้อ ร่องลอยมาถึงมหาสมุทรแอตแลนติก เกิดพายุฮอริเคนที่คิวบา ผมนั่งหลังพิงฝาอยู่ในห้องคนเดียว มองดูประตูเผื่อว่ามีใครจะแวะมา เพราะคิวบาพายุมันแรง” จบลงด้วยให้เสียงพากษ์จากทีมงานพันธมิตร ผมก็เลยนำคำพูดของ Jack Weil มาเขียนจากวลีในประโยคนี้เอง กลายเป็น ความรักหลังผิงฟา ความหมายโดยเจตนา ก็คือ รักแท้ที่เกิดจากการรอคอย และไม่รู้ ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร
มีความคล้ายกับหนังเรื่องหนึ่ง ที่ผมพึ่งได้ดูเมื่อวานนี้เอง ทั้งทีฉายไปแล้วเกือบ 3 ปี เป็นหนังเกาหลี ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษว่า The Classic
The Classic (클래식 - 2002) ชื่อภาษาไทยว่า รักแรกของหัวใจ รักสุดท้ายในชีวิต ชื่อหนังที่เป็นภาษาไทย ขอยกนิ้วให้กับคนตั้งชื่อครับ เป็นประโยคที่สวยมาก และมีความหมายดี ผมดูหนังเรื่องนี้จากเพื่อนคนหนึ่งแนะนำให้ดู เพราะเกรงว่าผมเริ่มเหมือนหุ่นยนต์ ไม่มีความรู้สึกไปเสียก่อน เมื่อดูได้เกือบถึงตอนจบ ผมนึกถึง Jack Weil โดยทันที มีความคล้ายกันตรงที่ หนังทั้ง 2 เรื่องที่กล่าวมา เป็นหนังที่กล่าวถึงรักแท้ ที่ต้องอาศัยกาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ หนังเรื่อง The Classic มีความหวาน สวย และมีฉากที่รวมบรรยากาศหนังโรมแมนติกมาไว้ด้วยกันในเรื่องเดียว ไม่ว่าการวิ่งผ่านสายฝนกับคนรัก เก็บหิ่งห้อยในยามค่ำคืนเพื่อให้คนรัก หรือวิ่งส่งคำอำลาคนรักในสถานีรถไฟ และอื่นๆ หนังเรื่องนี้จบแปลกกว่าที่คิด เพราะก่อนที่ผมจะดูหนังเรื่องนี้จบ ผมนึกถึงตาแก่ Jack Weil ที่ต้องนั่งพิงฝาเสียแล้ว แต่ The classic หักมุม จบแบบ Happy Ending ในรุ่นลูก ถึงแม้จะเป็นรุ่นลูกที่ประสบความสำเร็จในการค้นหาความรัก ผมก็ถือว่า Out Put หนังทั้ง 2 เรื่องสื่อความหมายเช่นเดียวกัน คือ รักแท้ บนช่วงชีวิตคนเรา นั่นเอง หากใครๆ จะบอกว่า “ความรักทำให้คนตาบอด” ก็ตาม ผมก็เชื่อว่ายังมีอีกหลายๆคน รวมทั้งผมด้วย ที่ยอมเป็นคนตาบอด และประพฤติตนตามอย่าง Jack Weil เพราะถือได้ว่าเป็นความสุข เล็กๆ อย่างหนึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมาและผ่านไป บนชีวิตของเรา ได้สัมผัสกับอนุภาคพลังความรัก นี้ ถึงแม้ ความรักจะสร้างทุกข์ หรือ จะสร้างสุข ให้แก่เรา เราก็พร้อมใจที่จะเปิดรับโอกาสนี้ มองโลกในแง่ดีไว้ เช่นเดียวกับคำกล่าว ว่า “อกหักดีกว่ารักไม่เป็น”

แปลกดีเหมือนกัน ว่าสัตว์มีชีวิตอื่น จะมีรักแท้อย่างเช่นมนุษย์ ได้หรือไม่ และรักแท้เกิดจากอะไร ? หรือว่า วงโคจรดาวเคราะห์ใน จักรวาล ทำให้เกิดแรงโน้มถ่วงบนโลกมนุษย์ จนทำให้เราได้พบกัน หรือเป็นเพราะว่ามนุษย์แต่ละคนต่างกัน จึงหารักแท้ ที่กรรมวิธีต่างกัน ด้วยกรรมพันธุ์ต่างกัน ด้วยการเลี้ยงดูต่างกัน ด้วยประสบการณ์ต่างกัน ความคิดต่างกัน บนบทสัมผัสที่ต่างกัน ด้วยตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ (อายตนะทั้ง 6) , จิตวิญญาณของเรานี้เองที่ตามหา คู่แท้ + รักแท้ (Soul Mate) มันไม่ง่ายที่จะหาเจอ
ผมคิดว่า ครั้งหนึ่งที่เราเกิดมา การได้สัมผัสถึงความรู้สึก แห่งรัก เป็นความรู้สึกที่สวยงาม ไม่ว่าจะรักระหว่างหญิง และ ชาย ความรักคนอื่นๆ ความรักสิ่งมีชีวิตที่อยู่ร่วมกัน ความรักในสันติภาพ ความรักตามสิทธิมนุษย์ ความรักเป็นเจตนาที่ไม่มีเหตุผล เป็นความรู้สึกที่วิเศษ และเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางความรู้สึก ที่บันดาลให้คนเรามีชีวิตอยู่ได้

ทิ้งท้ายด้วยบทกวี ท่อนหนึ่ง จากบท Love ในหนังสือ the prophet ของ คาลิล ยิบลาน กล่าวว่า

Love gives naught but itself and takes naught but from itself.

Love possesses not nor would it be possessed;

For love is sufficient unto love.

แปลเป็นไทยว่า

... ความรักไม่ให้สิ่งอื่นใดนอกจากตนเอง

… และก็ไม่รับเอาสิ่งใด นอกจากตนเอง

… ความรักไม่ครอบครอง และก็ไม่ยอมถูกครอบครอง

… เพราะความรักนั้นพอเพียงแล้วสำหรับตอบความรัก

นนทวรรธนะ สาระมาน
Nontawattana Saraman
(22/04/50)


5 ความคิดเห็นเกี่ยวกับ “ความรักหลังพิงฝา

  1. ไม่ระบุชื่อ

    ความรักที่ไม่หวังผลประโยชน์ก็จะเป็นความรักที่แท้ และเป้นความรู้สึก ที่ยินดีให้อภัย เสมอ…

  2. ไม่ระบุชื่อ

    รู้สึกว่า เป็นบทความแรกนะที่ได้อ่านอะไรที่เป็นความสวยงามบ้าง บางทีความรักหลังพิงฝาถ้ามันหมายถึงความเป็นไปไม่ได้ ความรักที่ไม่มีทางออก ไม่รู้จุดหมายปลายทาง แล้วเราจะก้าวเข้าไปทำไมให้เจ็บปวด สู้ออกมายืนมองนิ่งๆ ไม่ดีกว่าหรือ เพราะบางคนแม้ไขว่คว้ารักแท้มาตลอดชีวิต อาจจะไม่เคยได้พบเลยก็ได้
    blue sonnet

  3. ไม่ระบุชื่อ

    ยังไม่เคยได้ดูหนังเรื่องนี้เลย แม้ว่าจะมีคนพยายามนำมาให้ดูหลายคน แต่คิดว่าคงซึ้งมากๆ… ที่จริงเราไม่ต้องก้าวมาถึงจุดที่เป็นความรักหลังพิงฝาก็ได้นะ ถ้าเพียงแต่กล้าที่จะเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงออกไป กล้าที่จะทำอะไรเพื่อความสุขของตัวเองกับคนรัก บางครั้งการทิ้งให้เค้าอยู่ในจุดที่ถูกต้องเหมาะสม อาจจะกลับยิ่งเป็นการทำร้ายเค้าไปทั้งชีวิตก็ได้นะ และยังเป็นการทำร้ายตัวเองอีก ในช่วงชีวิตนึงจะเหลือเวลาให้เราทำอะไรได้สักเท่าไร…ถ้าไม่อยากเดินทางมาถึงจุดที่เป็นความรักหลังพิงฝา ก็ขอให้ กล้ายอมรับความรู้สึกของตัวเอง ยอมรับความจริง ตัดรูปแบบอื่นๆออกไป เพราะแท้จริงเราเองก็มีแต่ตัวเปล่าๆ สิ่งรอบข้างเป็นเพียงสิ่งปรุงแต่งเท่านั้นจริงๆ.. ถามใจตัวเองว่า..แท้จริงต้องการอะไร แล้วก็จงเดินไปในทางนั้นเถอะนะ

  4. ไม่ระบุชื่อ

    สงสัยจังว่าผู้เขียน กำลัง อินเลิฟกับใครบางคนรึเปล่าน๊อ ถึงได้กลั่นกรองความคิดและความรู้สึกได้อย่างสละสลวยอย่างนี้

ปิดรับความเห็นแล้ว