fail2ban มีประโยชน์

Fail2Ban เป็นเครื่องมืออัตโนมัติสำหรับการป้องกันระบบจากการโจมตีที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ผ่านการเฝ้าระวังล็อกไฟล์ที่กำหนดเพื่อค้นหาพฤติกรรมที่น่าสงสัยหรือความพยายามในการเข้าสู่ระบบที่ไม่สำเร็จ และจะดำเนินการตามกฎที่กำหนดไว้เพื่อบล็อกการเข้าถึงจากที่อยู่ IP ที่ผิดพลาด นี่คือการทำงานพื้นฐานและประโยชน์ของ Fail2Ban

การทำงานของ Fail2Ban
1. ตรวจสอบล็อกไฟล์ Fail2Ban จะตรวจสอบล็อกไฟล์จากระบบหรือแอปพลิเคชั่นเพื่อหาบันทึกของการเข้าสู่ระบบที่ล้มเหลว การเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือความพยายามในการโจมตี เช่น การโจมตีแบบ brute-force

2. ใช้กฎ Filter กฎต่างๆ ที่กำหนดในการคอนฟิก Fail2Ban (กฎ Filter) จะใช้เพื่อแยกวิเคราะห์รูปแบบข้อความในล็อกไฟล์ ซึ่งรวมถึงที่อยู่ IP ของผู้ที่พยายามเข้าระบบและไม่สำเร็จ

3. ดำเนินการโดยกฎ Action หากพบการพยายามเข้าสู่ระบบที่ล้มเหลวเกินค่าที่กำหนด Fail2Ban จะใช้กฎ Action เช่น บล็อก IP นั้นผ่าน firewall หรือแก้ไขตารางการรักษาความปลอดภัย เพื่อป้องกันการเข้าถึงจาก IP นั้นในระยะเวลาหนึ่ง.

ประโยชน์ของ Fail2Ban
1. ลดความเสี่ยงจากการโจมตีแบบ brute-force โดยการจำกัดการเข้าถึงจาก IP ที่พยายามเข้าสู่ระบบแล้วไม่สำเร็จซ้ำๆ, Fail2Ban ช่วยป้องกันการโจมตีที่พยายามใช้รหัสผ่านที่ทายได้หรือรหัสผ่านที่อ่อนแอ

2.ปรับปรุงความปลอดภัยโดยรวม โดยการบล็อก IP ที่พยายามโจมตี, Fail2Ban ช่วยลดโอกาสที่ผู้โจมตีจะเจาะระบบเข้าไปได้ ซึ่งช่วยปรับปรุงความปลอดภัยโดยรวมของระบบ

3. ปรับแต่งได้ คุณสามารถปรับแต่ง Fail2Ban เพื่อตรวจสอบแอปพลิเคชั่นและบริการต่างๆ ตามความต้องการของระบบ นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดเวลาแบนและจำนวนครั้งของการล้มเหลวที่อนุญาตได้ตามนโยบายความปลอดภัยขององค์กร

4. ความยืดหยุ่น Fail2Ban สามารถทำงานได้กับหลายๆ ระบบปฏิบัติการและรองรับการตั้งค่าที่หลากหลาย, ทำให้เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับการจัดการความปลอดภัยในหลายสถานการณ์

ใน Fail2Ban, การ “action” หมายถึงการดำเนินการที่จะทำเมื่อพบกับพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ตามที่ได้กำหนดไว้ในกฎ Filter. Fail2Ban มีรูปแบบการดำเนินการมาตรฐานที่สามารถปรับแต่งได้เพื่อรับมือกับการโจมตีและเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบ. นี่คือรูปแบบการดำเนินการหลักที่ใช้ใน Fail2Ban:

1. Ban

การแบนคือการห้ามไม่ให้ที่อยู่ IP ที่เกี่ยวข้องเข้าถึงบริการหรือเซิร์ฟเวอร์ของคุณ. การดำเนินการนี้มักเกี่ยวข้องกับการเพิ่มกฎไฟร์วอลล์เพื่อบล็อกการเข้าถึงจาก IP นั้น:

  • iptables: ใช้สำหรับบล็อกการเข้าถึงผ่านไฟร์วอลล์ใน Linux.
  • ipfw: ใช้กับ FreeBSD และระบบอื่นๆ ที่รองรับ ipfw.
  • firewalld: ใช้กับระบบที่มี firewalld เป็นตัวจัดการไฟร์วอลล์.
2. Unban

การยกเลิกแบนคือการลบการห้าม IP นั้นออกเมื่อครบกำหนดเวลาแบนที่ตั้งไว้. โดยปกติจะเป็นการตรงกันข้ามกับคำสั่ง ban.

3. Send Email

เมื่อตรวจพบพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์, Fail2Ban สามารถกำหนดค่าให้ส่งอีเมลเตือนไปยังผู้ดูแลระบบหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง. อีเมลนี้สามารถรวมรายละเอียดของเหตุการณ์ เช่น ที่อยู่ IP ที่ถูกแบน, เวลา, และเหตุผลของการแบน.

4. Custom Actions

ผู้ดูแลระบบสามารถสร้าง actions ที่กำหนดเองสำหรับการรับมือกับการโจมตี. ตัวอย่างเช่น, สามารถสร้างสคริปต์เพื่อแจ้งเตือนทางข้อความ, อัปเดตฐานข้อมูลด้านความปลอดภัย, หรือการตอบสนองอัตโนมัติตามความต้องการ.

การตั้งค่าและการปรับแต่ง Actions นั้นสามารถทำได้ในไฟล์คอนฟิก jail.local หรือในไฟล์ในโฟลเดอร์ action.d ที่เกี่ยวข้อง. โดยจะมีการกำหนดค่าสำหรับรูปแบบการตอบสนองต่างๆ เช่น การแบนและการยกเลิกแบน, รวมถึงการตั้งค่าเพื่อการส่งอีเมลและการดำเนินการอื่นๆ ที่กำหนดเอง.

การติดตั้ง Fail2Ban บนเครื่อง Ubuntu เป็นวิธีที่ดีในการป้องกันการโจมตีแบบ brute-force ต่อระบบของคุณ เนื่องจาก Fail2Ban จะจำกัดการเข้าถึงจากที่อยู่ IP ที่พยายามเข้าสู่ระบบซ้ำๆ โดยไม่สำเร็จ นี่คือขั้นตอนการติดตั้ง Fail2Ban บน Ubuntu:

อัปเดตระบบ: ก่อนอื่น, คุณควรอัปเดตรายการแพ็กเกจและอัปเกรดแพ็กเกจที่มีอยู่บนระบบของคุณเพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างเป็นปัจจุบัน

sudo apt update
sudo apt upgrade -y

ติดตั้ง Fail2Ban: ติดตั้ง Fail2Ban โดยใช้คำสั่ง apt-get

sudo apt install fail2ban -y

ตั้งค่า Fail2Ban: Fail2Ban มาพร้อมกับไฟล์คอนฟิกเริ่มต้นที่ /etc/fail2ban/jail.conf แต่ไม่ควรแก้ไขไฟล์นี้โดยตรงเพราะอาจถูกเขียนทับเมื่ออัปเดตแพ็กเกจ แทนที่จะแก้ไขไฟล์นั้น, คุณควรสร้างไฟล์คอนฟิกใหม่ใน /etc/fail2ban/jail.local และกำหนดค่าที่ต้องการตรงนั้น

sudo cp /etc/fail2ban/jail.conf /etc/fail2ban/jail.local
sudo nano /etc/fail2ban/jail.local

คุณสามารถปรับแต่งค่าต่างๆ เช่น ระยะเวลาการแบน, จำนวนครั้งในการล้มเหลวก่อนการแบน, และระยะเวลาการหมดอายุของการแบน

เปิดใช้งานและรีสตาร์ต Fail2Ban: เปิดใช้งานและรีสตาร์ตบริการ Fail2Ban เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงคอนฟิกมีผล:

sudo systemctl enable fail2ban
sudo systemctl restart fail2ban

ตรวจสอบสถานะ Fail2Ban: ตรวจสอบสถานะของบริการ Fail2Ban เพื่อดูว่ามันกำลังทำงานอยู่หรือไม่

sudo systemctl status fail2ban

ตรวจสอบ Fail2Ban Log: ตรวจสอบไฟล์ล็อกของ Fail2Ban เพื่อดูว่ามี IP ใดถูกแบนหรือไม่

sudo zgrep ‘Ban’ /var/log/fail2ban.log | less

…..

สวัสดี


Posted

in

by

Tags: