“ขอบคุณสำหรับโอกาส ,เพราะพลังาน คือจุดเริ่มต้นในทุกๆ ด้าน”
เมื่อพูดเรื่องพลังงานผมมักเดินหนี เพราะความรู้ไม่มี แต่เมื่อพลังงานเข้าสู่โหมดที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะเอาเทคโนโลยี IoT และที่สำคัญเอา Blockchain เข้ามาใช้ร่วมแล้ว …
ทำให้เราได้ทำการศึกษา พอมาอยู่ในเวทีของเราโดยที่ทุกอย่าง on “digital platform” และจากพื้นฐาน Network ที่ตนเองพอมีอยู่บ้าง ทำให้ทุกอย่างคลี่คลายไป และที่สำคัญทำให้ผมมองไปได้ไกลขึ้น..จากเหตุการณ์นี้
เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2561 ได้มีโอกาสได้ร่วมกับพี่ๆ กลุ่ม New Tokyo มาบรรยายเรื่อง “การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างพลังงานที่มีผลกระทบต่อธุรกิจอุตสาหกรรมและสังคมไทย”
จุดเปลี่ยนด้านนี้ที่สำคัญคือ “Blockchain Technology”
ด้วยการที่เราต้องทำแผนยุทธศาสตร์ชาติ ส่งเป็นรายงานให้ทางสถาบันฯ วธอ. รุ่น 5 จากกลุ่มนิวโตเกียว ที่ผมได้รับเกียรติมาขยายความจากคำว่า “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” จะมาได้อย่างไรกับพลังงานของประเทศไทย ที่ต้องอธิบายเพราะคิดส่วนนี้ได้คืนก่อนบรรยาย เลยจำเป็นต้องมาชี้แจงส่วนนี้ด้วยตัวเอง จะเล่าแบบย่อๆ ดังนี้
มั่นคง จาก “Energy as a Services” เกิดจาก
Technology Convergence ทั้ง IoT และ 5G
จะทำให้เกิด Smart ทั้ง Smart home , city , farmer etc ทำให้ใช้พลังอย่างมีคุ้มค่า และนำไปสู่ Big data ที่มาพยากรณ์ ปรับปรุงพัฒนา ประสิทธิภาพ และข้อมูลนั้นจะทำให้รู้เท่าทันมากขึ้น
มั่งคั่ง จาก “Prosumer x.0”
Prosumer คำนี้ไม่ได้ใหม่ แต่เมื่อ Technology Blockchain มาผสมเข้าแล้ว ทำให้เกิด Business model ใหม่ในลักษณะ Economic sharing จากผู้บริโภค กลายร่างเป็นผู้ผลิต หรือ ครึ่งหนึ่งผลิตส่วหนึ่งบริโภค และแจกจ่าย กลายเป็น “Prosumer”
โดยทั่วไป Prosumer มีอยู่แล้ว แต่เมื่อเติม 4.0 ไป ต้องไปบวกกับ Blockchain ถึงจะเป็น Prosumer 4.0 หรือ 5.0 ก็ว่ากันไปในอนาคต
สิ่งนี้จะทำให้ ประชาชน คนทั่วไป จะกลายเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าได้ ประชาชนจะหารายได้ (ในแนวคิดสร้างรายได้ ในทางปฏิบัติราคายังไม่คุ้ม เพราะ equipment ที่ลงไปมันมีเยอะและราคายังไม่ได้ในปัจจุบัน ไม่ขออธิบายในที่นี้)
แต่แน่ๆ ตัวกลางที่เคยผลิตไฟฟ้า เช่น EGAT นี้คงต้องปรับตัวเช่นกัน ถ้าการ Disruption มาเยื่อนกับยักษ์ใหญ่อีกครั้ง
ยั่งยืน จาก “Energy resilience” ทำให้ยืดหยุ่นและพร้อมใช้งาน กระจายตัวไปยัง ชุมชน ชายขอบและนอกพื้นที่ได้อย่างยั่งยืนกว่าในอดีต ลดค่าใช้จ่ายในเรื่องสายส่ง ด้วยเทคโนโลยี Blockchain ที่เป็น decentralized และต่อยอดไปเป็นการ distributed โดยใช้ 5G จะทำให้เกิด “พื้นที่ ที่สามารถพึ่งพาตนเองได้” (สำคัญมาก)
ส่วนกระบวนการทำให้ Resilience จะมีการเชื่อมกันระหว่างเทคโนโลยี พร้อมที่เป็นระบบอิจฉริยะ ที่ควบคุมด้วย AI (Artificial Intelligence) มาผสมผสานกันอย่างลงตัว
ส่วนเรื่อง Cyber security จะเป็นเงาในทั้ง 3 ส่วนนี้ คืออย่างไรแล้วต้องมี และการออกแบบการวางแผนตั้งแต่เริ่มต้น เช่นกัน ถึงแม้ Blockchain เข้ามาช่วยความปลอดภัยเกือบทำให้การ Hack แทบเป็นไปได้ยากคือต้องยึด node ให้ได้มากกว่า 51% ก็ตาม แต่ลงในระดับ Network ส่วนที่มีปัญหาคือ IoT ที่เชื่อมระบบเครือข่ายและ Data สำหรับผู้ใช้งาน มากกว่า … ไว้ขยายความต่อหากมีโอกาส
และโลกเรารวมถึงประเทศไทย จะไปถึงจุดนั้นอีกไม่เกิน 10 ปีนับแต่นี้
พลังของ Blockchain จะเปลี่ยนให้สังคมไปในทิศทางที่ดีขึ้น ถ้าเราเปิดใช้อย่างไร้ ..อคติ