SBOM คืออะไร

SBOM (Software Bill of Materials) คือเอกสารหรือรายการที่แสดงส่วนประกอบซอฟต์แวร์ทั้งหมดที่ใช้ในโครงการหรือผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์หนึ่ง ๆ โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการเพิ่มความโปร่งใสเกี่ยวกับส่วนประกอบซอฟต์แวร์และช่วยให้สามารถจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ

รายละเอียดสำคัญของ SBOM

  1. ส่วนประกอบของซอฟต์แวร์
    SBOM ระบุส่วนประกอบต่าง ๆ ของซอฟต์แวร์ เช่น ไลบรารี โค้ดโอเพ่นซอร์ส และโค้ดที่พัฒนาขึ้นเอง พร้อมทั้งเวอร์ชันของแต่ละส่วน
  2. การระบุที่มา
    ระบุแหล่งที่มาของซอฟต์แวร์ เช่น ไลบรารีโอเพ่นซอร์สมาจากที่ใด (GitHub, Maven Central เป็นต้น)
  3. ข้อมูลลิขสิทธิ์
    SBOM แสดงข้อมูลเกี่ยวกับใบอนุญาตของซอฟต์แวร์ เช่น MIT, Apache, หรือ GPL เพื่อช่วยให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎหมาย
  4. ความปลอดภัย
    SBOM ช่วยให้สามารถระบุช่องโหว่ (vulnerability) ที่อาจมีอยู่ในส่วนประกอบซอฟต์แวร์ และวางแผนการแก้ไขได้ทันที
  5. โครงสร้างต้นไม้
    ในบางกรณี SBOM อาจระบุลำดับชั้นของส่วนประกอบ (dependency tree) เพื่อให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างส่วนต่าง ๆ

ประโยชน์ของ SBOM

  1. การจัดการความปลอดภัย
    • ช่วยระบุช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้นในซอฟต์แวร์
    • ช่วยลดความเสี่ยงจากการใช้งานส่วนประกอบที่มีปัญหา
  2. การปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐาน
    • ช่วยให้มั่นใจว่าซอฟต์แวร์ที่พัฒนาเป็นไปตามข้อกำหนดของลิขสิทธิ์และมาตรฐาน เช่น NIST หรือ ISO 27001
  3. การตรวจสอบ
    • ช่วยให้สามารถตรวจสอบซอฟต์แวร์ในอนาคตได้ว่าใช้ส่วนประกอบอะไรบ้าง
  4. เพิ่มความโปร่งใส
    • ผู้ใช้งานสามารถมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยของซอฟต์แวร์

มาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับ SBOM

  1. SPDX (Software Package Data Exchange)
    มาตรฐานที่ใช้สำหรับสร้าง SBOM โดยเฉพาะในโครงการโอเพ่นซอร์ส
  2. CycloneDX
    โครงสร้างมาตรฐานสำหรับจัดทำ SBOM ที่ได้รับความนิยม
  3. SWID Tags (Software Identification Tags)
    ใช้สำหรับการจัดการสินทรัพย์ซอฟต์แวร์

การนำไปใช้

องค์กรด้านความปลอดภัย: เพื่อตรวจสอบว่าไม่มีช่องโหว่ร้ายแรงในผลิตภัณฑ์

ผู้พัฒนา: เพื่อบริหารจัดการไลบรารีและส่วนประกอบต่าง ๆ

รัฐบาล: ในการตรวจสอบซอฟต์แวร์ที่นำไปใช้ในระบบสำคัญ (เช่น ระบบโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ)

การนำ SBOM (Software Bill of Materials) ไปใช้ในองค์กรหรือโครงการสามารถช่วยเพิ่มความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และความโปร่งใสของกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์


1. การจัดการความปลอดภัยในซอฟต์แวร์

SBOM ช่วยให้องค์กรสามารถระบุและจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ได้ง่ายขึ้น

  • การตรวจสอบช่องโหว่ (Vulnerability Scanning):
    ใช้ SBOM เพื่อเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลช่องโหว่ (เช่น CVE, NVD) เพื่อค้นหาว่าส่วนประกอบใดมีความเสี่ยง
  • การแจ้งเตือนช่องโหว่:
    หากมีการค้นพบช่องโหว่ในส่วนประกอบซอฟต์แวร์ ระบบสามารถแจ้งเตือนผู้รับผิดชอบได้อย่างรวดเร็ว
  • ตัวอย่างการใช้งาน:
    องค์กรสามารถใช้ SBOM ควบคู่กับเครื่องมือ เช่น Snyk หรือ Dependabot เพื่อแก้ไขช่องโหว่ใน dependency

2. การปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐาน

SBOM เป็นเครื่องมือสำคัญในการแสดงความโปร่งใสเพื่อให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น:

  • Cybersecurity Executive Order (สหรัฐอเมริกา):
    ในปี 2021 รัฐบาลสหรัฐฯ มีคำสั่งให้ผู้รับเหมาที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศต้องใช้ SBOM
  • มาตรฐาน NIST และ ISO 27001:
    ใช้ SBOM เพื่อแสดงให้เห็นว่ามีการควบคุมส่วนประกอบของซอฟต์แวร์และจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
  • PDPA หรือ GDPR:
    หากส่วนประกอบใดมีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล SBOM สามารถช่วยติดตามแหล่งที่มาและการใช้งานได้

3. การบริหารจัดการซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส

การใช้ซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สในองค์กรอาจมีความเสี่ยง หากไม่มีการติดตามและจัดการส่วนประกอบอย่างเหมาะสม

  • การตรวจสอบลิขสิทธิ์ (License Compliance):
    ใช้ SBOM เพื่อตรวจสอบว่าซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่ใช้นั้นอยู่ภายใต้ใบอนุญาตที่เหมาะสม เช่น MIT, Apache, หรือ GPL
  • การบริหารจัดการเวอร์ชัน:
    SBOM ช่วยติดตามว่าไลบรารีหรือ dependency ใดที่ต้องอัปเดต

4. การสนับสนุนกระบวนการ DevSecOps

SBOM สามารถถูกรวมเข้ากับกระบวนการ DevSecOps เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยในระหว่างการพัฒนาซอฟต์แวร์

  • การรวมใน CI/CD Pipeline:
    สร้าง SBOM โดยอัตโนมัติในทุก build หรือ release ผ่านเครื่องมือ เช่น Syft
  • การตรวจสอบก่อน Deploy:
    ตรวจสอบว่าซอฟต์แวร์ไม่มีช่องโหว่หรือส่วนประกอบที่ไม่อนุญาต

5. การจัดการวงจรชีวิตของซอฟต์แวร์ (Software Lifecycle Management)

SBOM ช่วยติดตามส่วนประกอบซอฟต์แวร์ตั้งแต่การพัฒนาจนถึงการเลิกใช้งาน

  • การอัปเดต:
    ใช้ SBOM เพื่อระบุส่วนประกอบที่ต้องอัปเดตหรือเปลี่ยน
  • การตรวจสอบความเข้ากันได้:
    ตรวจสอบว่าไม่มี dependency ใดที่ขัดแย้งกันระหว่างส่วนประกอบ

6. การสร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้า

การส่งมอบ SBOM พร้อมผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าหรือผู้ใช้งาน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น:

  • การเงินและธนาคาร
  • พลังงาน
  • โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ (Critical Infrastructure)

เครื่องมือที่ใช้สร้างและจัดการ SBOM

  1. CycloneDX
    • ใช้สำหรับสร้าง SBOM ในรูปแบบมาตรฐาน
  2. SPDX Tools
    • เครื่องมือสำหรับจัดการข้อมูลลิขสิทธิ์
  3. OWASP Dependency-Track
    • ใช้ติดตามและจัดการความเสี่ยงในส่วนประกอบซอฟต์แวร์
  4. Anchore Syft/Grype
    • สแกน container และสร้าง SBOM อัตโนมัติ

สวัสดี

Nontawatt