SBOM (Software Bill of Materials) คือเอกสารหรือรายการที่แสดงส่วนประกอบซอฟต์แวร์ทั้งหมดที่ใช้ในโครงการหรือผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์หนึ่ง ๆ โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการเพิ่มความโปร่งใสเกี่ยวกับส่วนประกอบซอฟต์แวร์และช่วยให้สามารถจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รายละเอียดสำคัญของ SBOM
- ส่วนประกอบของซอฟต์แวร์
SBOM ระบุส่วนประกอบต่าง ๆ ของซอฟต์แวร์ เช่น ไลบรารี โค้ดโอเพ่นซอร์ส และโค้ดที่พัฒนาขึ้นเอง พร้อมทั้งเวอร์ชันของแต่ละส่วน - การระบุที่มา
ระบุแหล่งที่มาของซอฟต์แวร์ เช่น ไลบรารีโอเพ่นซอร์สมาจากที่ใด (GitHub, Maven Central เป็นต้น) - ข้อมูลลิขสิทธิ์
SBOM แสดงข้อมูลเกี่ยวกับใบอนุญาตของซอฟต์แวร์ เช่น MIT, Apache, หรือ GPL เพื่อช่วยให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎหมาย - ความปลอดภัย
SBOM ช่วยให้สามารถระบุช่องโหว่ (vulnerability) ที่อาจมีอยู่ในส่วนประกอบซอฟต์แวร์ และวางแผนการแก้ไขได้ทันที - โครงสร้างต้นไม้
ในบางกรณี SBOM อาจระบุลำดับชั้นของส่วนประกอบ (dependency tree) เพื่อให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างส่วนต่าง ๆ
ประโยชน์ของ SBOM
- การจัดการความปลอดภัย
- ช่วยระบุช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้นในซอฟต์แวร์
- ช่วยลดความเสี่ยงจากการใช้งานส่วนประกอบที่มีปัญหา
- การปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐาน
- ช่วยให้มั่นใจว่าซอฟต์แวร์ที่พัฒนาเป็นไปตามข้อกำหนดของลิขสิทธิ์และมาตรฐาน เช่น NIST หรือ ISO 27001
- การตรวจสอบ
- ช่วยให้สามารถตรวจสอบซอฟต์แวร์ในอนาคตได้ว่าใช้ส่วนประกอบอะไรบ้าง
- เพิ่มความโปร่งใส
- ผู้ใช้งานสามารถมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยของซอฟต์แวร์
มาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับ SBOM
- SPDX (Software Package Data Exchange)
มาตรฐานที่ใช้สำหรับสร้าง SBOM โดยเฉพาะในโครงการโอเพ่นซอร์ส - CycloneDX
โครงสร้างมาตรฐานสำหรับจัดทำ SBOM ที่ได้รับความนิยม - SWID Tags (Software Identification Tags)
ใช้สำหรับการจัดการสินทรัพย์ซอฟต์แวร์
การนำไปใช้
องค์กรด้านความปลอดภัย: เพื่อตรวจสอบว่าไม่มีช่องโหว่ร้ายแรงในผลิตภัณฑ์
ผู้พัฒนา: เพื่อบริหารจัดการไลบรารีและส่วนประกอบต่าง ๆ
รัฐบาล: ในการตรวจสอบซอฟต์แวร์ที่นำไปใช้ในระบบสำคัญ (เช่น ระบบโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ)
การนำ SBOM (Software Bill of Materials) ไปใช้ในองค์กรหรือโครงการสามารถช่วยเพิ่มความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และความโปร่งใสของกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์
1. การจัดการความปลอดภัยในซอฟต์แวร์
SBOM ช่วยให้องค์กรสามารถระบุและจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ได้ง่ายขึ้น
- การตรวจสอบช่องโหว่ (Vulnerability Scanning):
ใช้ SBOM เพื่อเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลช่องโหว่ (เช่น CVE, NVD) เพื่อค้นหาว่าส่วนประกอบใดมีความเสี่ยง - การแจ้งเตือนช่องโหว่:
หากมีการค้นพบช่องโหว่ในส่วนประกอบซอฟต์แวร์ ระบบสามารถแจ้งเตือนผู้รับผิดชอบได้อย่างรวดเร็ว - ตัวอย่างการใช้งาน:
องค์กรสามารถใช้ SBOM ควบคู่กับเครื่องมือ เช่น Snyk หรือ Dependabot เพื่อแก้ไขช่องโหว่ใน dependency
2. การปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐาน
SBOM เป็นเครื่องมือสำคัญในการแสดงความโปร่งใสเพื่อให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น:
- Cybersecurity Executive Order (สหรัฐอเมริกา):
ในปี 2021 รัฐบาลสหรัฐฯ มีคำสั่งให้ผู้รับเหมาที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศต้องใช้ SBOM - มาตรฐาน NIST และ ISO 27001:
ใช้ SBOM เพื่อแสดงให้เห็นว่ามีการควบคุมส่วนประกอบของซอฟต์แวร์และจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น - PDPA หรือ GDPR:
หากส่วนประกอบใดมีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล SBOM สามารถช่วยติดตามแหล่งที่มาและการใช้งานได้
3. การบริหารจัดการซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส
การใช้ซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สในองค์กรอาจมีความเสี่ยง หากไม่มีการติดตามและจัดการส่วนประกอบอย่างเหมาะสม
- การตรวจสอบลิขสิทธิ์ (License Compliance):
ใช้ SBOM เพื่อตรวจสอบว่าซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่ใช้นั้นอยู่ภายใต้ใบอนุญาตที่เหมาะสม เช่น MIT, Apache, หรือ GPL - การบริหารจัดการเวอร์ชัน:
SBOM ช่วยติดตามว่าไลบรารีหรือ dependency ใดที่ต้องอัปเดต
4. การสนับสนุนกระบวนการ DevSecOps
SBOM สามารถถูกรวมเข้ากับกระบวนการ DevSecOps เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยในระหว่างการพัฒนาซอฟต์แวร์
- การรวมใน CI/CD Pipeline:
สร้าง SBOM โดยอัตโนมัติในทุก build หรือ release ผ่านเครื่องมือ เช่น Syft - การตรวจสอบก่อน Deploy:
ตรวจสอบว่าซอฟต์แวร์ไม่มีช่องโหว่หรือส่วนประกอบที่ไม่อนุญาต
5. การจัดการวงจรชีวิตของซอฟต์แวร์ (Software Lifecycle Management)
SBOM ช่วยติดตามส่วนประกอบซอฟต์แวร์ตั้งแต่การพัฒนาจนถึงการเลิกใช้งาน
- การอัปเดต:
ใช้ SBOM เพื่อระบุส่วนประกอบที่ต้องอัปเดตหรือเปลี่ยน - การตรวจสอบความเข้ากันได้:
ตรวจสอบว่าไม่มี dependency ใดที่ขัดแย้งกันระหว่างส่วนประกอบ
6. การสร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้า
การส่งมอบ SBOM พร้อมผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าหรือผู้ใช้งาน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น:
- การเงินและธนาคาร
- พลังงาน
- โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ (Critical Infrastructure)
เครื่องมือที่ใช้สร้างและจัดการ SBOM
- CycloneDX
- ใช้สำหรับสร้าง SBOM ในรูปแบบมาตรฐาน
- SPDX Tools
- เครื่องมือสำหรับจัดการข้อมูลลิขสิทธิ์
- OWASP Dependency-Track
- ใช้ติดตามและจัดการความเสี่ยงในส่วนประกอบซอฟต์แวร์
- Anchore Syft/Grype
- สแกน container และสร้าง SBOM อัตโนมัติ
สวัสดี
Nontawatt