“ปรากฎการณ์ Bitcoin (The Internet of Money)
หากประวัติศาสตร์ คือ การมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ชั่วโมงนี้ เดือนนี้ ปีนี้
ต้องบอกว่าเราต้องสร้างประวัติศาสตร์ (การมีส่วนร่วมในเหตุการณ์) เกี่ยวกับ Cryptocurrency
หรือขอพูดสั้นๆ ว่า “ปรากฎการณ์ Bitcoin” ไม่งั้นตกกราฟกฎของมัวร์
.
ที่ต้องเป็น Bitcoin ก็เพราะ ประชาชนสวนใหญ่ ต้องการหารายได้เสริม เพราะคิดว่าเศรษฐกิจไม่ดี ค้นหาและพบช่องทางทำมาหากินใหม่ ไม่ง้อใคร ทำได้ด้วยตัวเอง และเมื่อเกิดรายได้ไม่เสียภาษี
.
Big data จากหนวดกุ้ง ข้างห้องนอนผม มันเป็นเรดาห์อย่างหนึ่งที่จับสัญญาณได้ว่า คลิปที่อัพโหลดบน youtube , ห้องสนทนา Facebook ,Line และอื่นๆ ที่เริ่มมีคนมีส่วนร่วมมากขึ้นที่ไม่ใช่ กลุ่มจัดตั้งแบบ 3.5 แสน Like (SIM ที่พบที่อรัญประเทศ)
แต่เป็นคนจริงๆ คนที่ต้องการขุดเหมืองหาทองในยุคดิจิทัล
มันเริ่มมีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องและ Keyword คือ “Bitcoin”
ทั้งขุด ทั้งเทรด ทั้งปล่อยกู้ และทั้งขายของ มันเริ่มต้นและเติบโตอย่างรวดเร็วตั้งแต่ปลายปีที่แล้วจนปัจจุบันนี้ เดือน มิถุนายน 2560
.
ปรากฎการณ์นี้ รัฐบาลยังตามไม่ทัน และคิดว่าพอบทจะคิดทัน ก็ถึงเวลาตลาดวายไปแล้ว ตามรุ่นพี่ เช่น จตุคามรามเทพ ตุ๊กตาลูกเทพ หรือ Pokemon Go และอื่นๆ ที่เกิดขึ้นและดับอย่างรวดเร็วในดินแดนที่เรียกว่า “สยามเมืองยิ้ม” หรือ หลายคนจะบอกว่าก็นี้แหละ คือ Thailand Only
สำหรับผมว่าปรากฎการณ์นี้อาจจะมีชีวิตรอดยาวกว่าที่พูดมาเพราะมันน่าค้นหาและที่สำคัญมันสร้างรายได้ มันจะเปลี่ยนรูปแบบการใช้เงิน ซึ่งหากมองชั้นของการสร้างรายได้ จะพบว่า คนที่ได้แน่ๆ มีอยู่ในเกมส์นี้
.
ถ้าสังเกตให้ดี หุ้นบางตัวในประเทศไทย ตั้งแต่ปลายปี 59 ถึง Q2 ปี 60 ยังวิ่งไม่หยุด เหตุเกิดจากปรากฎการณ์ Bitcoin ที่เป็นผลกระทบในทางอ้อม
สรุปว่าในเศรษฐกิจที่ว่าแย่ แต่ยังมีบางธุรกิจที่วิ่งได้อยู่เสมอ แล้วแต่ใครจะมองเห็น จริงป่ะ
.
ท้ายสุด อาจจะกล่าวว่า “การขาดทุนของเราคือกำไรของคนอื่น การได้กำไรของเราคือได้มาจากการขาดทุนของคนอื่น” ท่านว่าประโยคนี้จริงไหม ในตลาดการซื้อขายกันเช่นนี้
Nontawatt Saraman
SRAN
27/06/60