ร่องรอยที่ไม่เคยมีตัวตน
The Trace That Never Existed
ตอนที่ 1: เงาในเครือข่าย
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นยามรุ่งสาง ทำให้สารวัตรหนุ่ม “ภูมิ” ต้องรีบคว้าหูโทรศัพท์ของสำนักงานสืบสวนฯ ขึ้นมารับด้วยความงัวเงีย ปลายสายคือเจ้าหน้าที่ยศใหญ่ที่ภูมิแทบไม่เคยได้พูดคุยด้วยตรง ๆ มาก่อน “เรามีคดีเร่งด่วนเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้คริปโตเคอร์เรนซีในการฟอกเงิน และคดีนี้อาจโยงใยไปถึงผู้มีอิทธิพลรอบประเทศ คุณภูมิต้องจัดทีมขึ้นมาสืบสวน”
เสียงตัดสายไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ภูมิยืนตั้งสติอยู่กับโทรศัพท์สั่น ๆ ในมือ สัญชาตญาณบอกเขาว่านี่ไม่ใช่คดีธรรมดา เขาเคยรับผิดชอบคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมาก่อน แต่ส่วนใหญ่เป็นคดีฉ้อโกงทั่วไป ไม่ซับซ้อนขนาดนี้ เมื่อเปิดแฟ้มข้อมูลที่ถูกส่งมาทีหลัง พบว่าเหยื่อที่เสียหายกระจายอยู่ในหลายจังหวัดทั่วประเทศ และวงเงินคริปโตที่ถูกดูดออกไป อยู่ในกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ไม่มีใครตามรอยได้ง่าย ๆ
ทีมสืบสวนของภูมิมีเพียงสองสามคนที่ไว้ใจได้ “หมวดนี” หญิงสาวผู้เชี่ยวชาญการสืบออนไลน์ และ “ร.ต.อ. ไตร” อดีตแฮกเกอร์ที่ผันตัวมาเป็นตำรวจผู้มีฝีมือในการตามรอยธุรกรรมบนบล็อกเชน พวกเขาเริ่มต้นจากการตรวจสอบรายการโอนย้ายคริปโตในกระเป๋าที่ถูกโจรกรรม เพื่อหา Pattern หรือรูปแบบการโอนเงินซ้ำ ๆ ที่จะโยงไปถึงกลุ่มเป้าหมาย
“โอนจากกระเป๋าชื่อแปลก ๆ ในต่างประเทศ 5 ครั้ง แต่ละครั้งยอดเงินสูญหลายล้านบาท ไปพักไว้อยู่ในบัญชีตรงกลาง แล้วค่อยเคลื่อนต่อไปอีก 2-3 กระเป๋า สุดท้ายดูเหมือนหายลับไปในเว็บเทรดที่ไม่มีการกำกับดูแล” หมวดนีสรุปข้อมูล
“มันเป็นเทคนิคที่เรียกว่า Mixing หรือ Coin Tumbling ครับ” ร.ต.อ. ไตรอธิบาย “ใช้กระเป๋าตัวกลางและธุรกรรมจำนวนมากสลับไปมา ทำให้เราตามรอยได้ยาก”
เสียงสะท้อนของ ปฏิจจสมุปบาท
ขณะภูมิกำลังครุ่นคิดถึงความซับซ้อนของคดี สายตาเหลือบไปเห็นข้อความที่เขียนไว้บนกระดานบอร์ดคำสอนพุทธศาสนาในห้องพักผ่อนของตำรวจ — “เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี เพราะสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงดับ” คำสั้น ๆ ที่สะท้อนหลักปฏิจจสมุปบาท ให้เห็นว่า ทุกอย่างเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกันไม่รู้จบ ทุกเหตุสร้างผล และทุกผลก็กลายเป็นเหตุใหม่
เขานิ่งคิดถึงการเกิดขึ้นของ “สาเหตุ” ที่สร้าง “ผล” ในการแพร่กระจายของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการใช้คริปโต ถ้าไม่มีกำไรจากการฉ้อโกง หากไม่มีผู้อุปถัมภ์ แก๊งนี้คงไม่เติบโต หรือหากไม่มีเทคโนโลยีรองรับ พวกมันอาจทำไม่ได้ง่าย ๆ สิ่งเหล่านี้เชื่อมโยงกันเป็นลูกโซ่ แยกขาดจากกันไม่ได้
รอยประทับของแก๊งลึกลับ
ภูมิกับทีมเริ่มลงพื้นที่สอบสวนเหยื่อแต่ละราย เพื่อเทียบเคียงรูปแบบการต้มตุ๋น ดูว่าพวกมันใช้ “สคริปต์” เดียวกันในการหลอกเหยื่อหรือไม่ หมวดนีพบว่าแก๊งนี้แสร้งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐโทรมาแจ้งข้อมูลเท็จ หรืออ้างว่ามีปัญหาเกี่ยวกับบัญชีธนาคาร เหยื่อที่ตกใจจึงเร่งโอนเงินตามคำสั่ง อีกส่วนหนึ่งอ้างว่าเป็นโบรคเกอร์คริปโต มีโปรโมชั่นพิเศษให้ลองลงทุนจากเงินหลักร้อย แต่กลับดูดเงินเหยื่อผ่านทางวอลเล็ตที่พวกมันควบคุม
ขณะที่การสอบปากคำเดินหน้าต่อไป ทีมของภูมิรู้สึกได้ว่ามี “เงา” กำลังคอยติดตามพวกเขา มีรถยนต์ปริศนาวนเวียนอยู่รอบบ้านของภูมิ มีสายโทรศัพท์นิรนามโทรเข้ามาเป็นระยะ คนในแก๊งรู้ว่าถูกตามล่า จึงพยายามข่มขู่ไม่ให้สืบต่อ
เมล็ดแห่งความสงสัย
การเดินทางสืบสวนเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น แต่ข้อมูลจากแต่ละด้านกลับทำให้ภูมิฉุกคิดว่า คดีนี้ไม่ใช่แค่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ธรรมดา มันดูเหมือนมีนักการเมืองท้องถิ่น นักธุรกิจใหญ่บางคน หรือกระทั่งคนในเครื่องแบบที่คอยให้ท้าย ภูมิเองก็เกรงว่าแม้แต่ในทีมสืบสวนอาจมีสายของแก๊งแฝงตัวอยู่ และใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลัง มันยิ่งทำให้เขาหนักใจ
ขณะจบบทสนทนาระหว่างทีม ภูมิกลับนึกถึงคำสอนสำคัญของพุทธ — ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นจากเหตุเพียงหนึ่งเดียว ทุกอย่างล้วนเกิดจากปัจจัยประกอบกันหลายด้าน และเมื่อปัจจัยสิ้นสุดลง สิ่งนั้นก็จะดับไป เขาจึงตัดสินใจเดินหน้า “สืบ” ต่อไปให้สุดทาง ด้วยความมุ่งมั่นที่ว่าหากเขาค้นหาปัจจัยต้นตอได้ คดีนี้ก็น่าจะคลี่คลาย
แต่ก็ยังไม่มีใครในทีมรู้ว่า…ยิ่งตามลึก ยิ่งเดินหน้า คดีนี้จะพาพวกเขาไปพบความมืดในเงาแห่งอำนาจ ที่เชื่อมโยงกันราวลูกโซ่ไม่รู้จบ

ตอนที่ 2: สายลับในเงามืด
แสงแดดในเช้าวันต่อมาที่สาดส่องผ่านกระจกหน้าต่างสำนักงานสืบสวน ดูเหมือนใสแจ๋วจนผิดปกติ ราวกับจะย้ำเตือนทุกคนในทีมว่า “ความกระจ่าง” เป็นเรื่องไกลเกินเอื้อมสำหรับคดีนี้ ภูมิและหมวดนีเร่งก้าวเท้าไปยังห้องประสานงานอย่างรวดเร็ว เพราะได้รับข่าวสารใหม่จาก ร.ต.อ. ไตร ที่นัดแนะว่าจะเปิดเผยข้อมูลการเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในโลกคริปโต
จิ๊กซอว์ที่ดูเหมือนจะต่อไม่ติด
เมื่อเข้าไปถึงห้อง ไตรกำลังพินิจจอคอมพิวเตอร์ที่แสดงกราฟธุรกรรมพร้อมตัวเลขกระจัดกระจายอยู่เต็มหน้าจอ เขาชี้ไปยังเส้นกราฟสีเขียวหลายเส้นที่ก่อตัวเป็นลักษณะเกือบจะเป็นคลื่น
“ผมสังเกตเห็นว่ามีการเคลื่อนย้ายเหรียญคริปโตชนิดหนึ่งชื่อ ‘Monex’ จากกระเป๋าใหญ่ไปยังกระเป๋าย่อย ๆ ตลอดคืนที่ผ่านมา ทุกธุรกรรมเรียงตัวเป็นคาบเวลา 20 นาที แล้วก็มีเงินบางส่วนถูกโอนเข้าเว็บเทรดที่อยู่ต่างประเทศ ซึ่งไม่เคยเห็นชื่อมาก่อน” ไตรรายงาน
“Monex นี่ไม่ใช่เหรียญยอดนิยมที่มีในตลาดทั่วไป แต่คนที่ใช้มันคงต้องการความลับขั้นสูง เพราะมันสามารถซ่อนที่มาของการทำธุรกรรมได้ดีกว่า Bitcoin หรือ Ethereum” หมวดนีเสริม
ภูมิเพ่งมองข้อมูลเหล่านั้นด้วยความเคร่งเครียด เขาเข้าใจดีว่ามันไม่ง่ายที่จะตามหาต้นตอของธุรกรรมบนเหรียญที่มีความเป็นส่วนตัว (Privacy Coin) สูงขนาดนี้
ก้าวแรกของการเผชิญหน้า
ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ออฟฟิศก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นสายจาก “ผู้กองฉัตร” ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมข่าวกรอง ท่านพอจะสืบรู้ว่าในคืนนี้จะมีการนัดพบลับของ “สาย” คนหนึ่งที่คาดว่ารู้จักแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และยิ่งไปกว่านั้น สายคนนี้อาจมีข้อมูลของผู้มีอิทธิพลที่สนับสนุนการทำธุรกรรมคริปโตครั้งใหญ่ หลายฝ่ายมั่นใจว่าการเจาะเข้าถึงข้อมูลของสายคนนี้ อาจเป็นกุญแจไขคดี
“สารวัตรภูมิ อย่าลืมว่าคดีนี้มันใหญ่และโยงไยหลายฝ่าย ระวังอย่าให้ใครจับไต๋ได้ คุณกับทีมไปเจอเขาอย่างลับ ๆ ก็พอ” ผู้กองฉัตรเตือนผ่านสาย
ภูมิรวบรวมทีม หมวดนีและไตรแล้วออกเดินทางทันที จุดนัดพบอยู่ที่ชั้นดาดฟ้าของตึกเก่าแห่งหนึ่ง ซึ่งในอดีตเคยเป็นโกดังเก็บสินค้า แต่ปัจจุบันถูกทิ้งร้างเพื่อรอการปรับปรุงใหม่ พวกเขาเลี่ยงคนแปลกหน้าตลอดทาง ท่ามกลางความมืดมิดยามราตรี มีเพียงแสงไฟสลัวจากเสาไฟฟ้าบางดวง
ข้อต่อของเหตุและผล
เมื่อไปถึงดาดฟ้าชั้นบนสุด พวกเขาพบชายร่างผอมสูงในชุดฮู้ดสีดำ ใบหน้าแทบมองไม่ชัด เขาเรียกตัวเองว่า “สายลับในเงามืด” และเขาได้เปิดเผยข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์คริปโต” ที่หลายคนคิดว่ามาจากต่างชาติทั้งหมด แต่แท้จริงแล้วมีหัวหน้าใหญ่ในประเทศ ซึ่งใช้อำนาจทางการเมืองและเส้นสายของเจ้าหน้าที่รัฐบางคนเป็นเกราะกำบัง
“ธุรกรรมที่พวกมันทำ ไม่ใช่แค่หลอกโอนเงินพวกเหยื่อเท่านั้น แต่ยังเป็นการเคลียร์เงินให้กับผู้มีอิทธิพลอีกด้วย” สายลับกล่าวเสียงเบา “ลองไปหาความจริงจากเทรดเดอร์นาม ‘GhostFox’ ดูสิ… เขาอยู่ในตลาดมืดที่มีชื่อว่า ‘Black Haven’ ใช้ Monex เหมือนกัน ถ้าเจอตัวเขา คุณจะรู้อีกหลายอย่าง”
การปรากฏตัวของชื่อ “GhostFox” ทำให้ภูมิและไตรสบตากัน จังหวะนั้นสายลับยื่นแฟลชไดรฟ์เล็ก ๆ ให้ ก่อนจะสะบัดตัวเตรียมเดินหนีไป
“นี่เป็นไฟล์ข้อมูลเบื้องต้น ถ้าคุณอยากตามหาผมอีก อย่าไว้ใจใคร…แม้แต่คนในทีมตัวเอง”
คำพูดนั้นเหมือนดังกระแทกหัวใจของภูมิ เขารู้ว่าคดีนี้เสี่ยงที่จะมีคนในร่วมมือกับแก๊งหรือถูกซื้อตัวด้วยเงินและอำนาจ จุดนี้เองที่เตือนให้ระลึกถึงคำสอนในปฏิจจสมุปบาท — การคงอยู่ของสิ่งหนึ่งเกื้อหนุนให้สิ่งอื่นเกิดขึ้น ทุกอย่างผูกพันกันรอบด้าน ความวางใจใน “มิตร” อาจพลิกกลายเป็น “ภัย” ได้ หากเงื่อนไขและปัจจัยเอื้อกัน
เงามืดของผู้พิทักษ์
เสียงเรียกดังกะทันหันพร้อมแสงไฟฉายกลุ่มใหญ่สาดส่อง ภูมิ หมวดนี และไตรหันควับ พบว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดลำลอง แต่มีอาวุธครบมือคอยล้อมทั้งสามคนเอาไว้ สายลับในเงามืดหลบฉากหายไปทันที
“ทุกคนอย่าขยับ ไม่งั้นเราจะยิง!” หนึ่งในชายฉกรรจ์ตะโกน
ภูมิ พยายามตั้งสติ เขาออกคำสั่งให้ทีมลดอาวุธลง เขาเอ่ยปากบอกว่าตนเป็นตำรวจพร้อมโชว์บัตร แต่กลุ่มชายฉกรรจ์ที่ดูเหมือนจะไม่ใช่ตำรวจหน่วยใด ๆ กลับยืนยันว่าตัวเองคือเจ้าหน้าที่รัฐเช่นกัน เพียงแต่ไม่เปิดเผยสังกัด
“เรารับคำสั่งให้มาตรวจสอบบุคคลต้องสงสัยที่ใช้สถานที่ร้างนี้เพื่อการผิดกฎหมาย แกสามคนนี่ล่ะ ตัวต้นเหตุ” ชายหนึ่งกล่าวห้วน ๆ
บรรยากาศตึงเครียดทันที ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ไว้ใจกัน จนสุดท้ายมีเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบอีกชุดวิ่งกรูกันขึ้นมาบนดาดฟ้า ซึ่งครั้งนี้เป็นตำรวจสังกัดฝ่ายสืบสวนท้องที่ ทุกคนพยายามอธิบายกันว่า “ใครเป็นใคร” และ “มาทำอะไร” แต่ก็เหมือนการสื่อสารจะอับจนในตอนแรก
กว่าครึ่งชั่วโมง เรื่องก็ได้ข้อยุติว่า “เข้าใจผิด” แต่ทว่าความไม่ชอบมาพากลก็ยังดำรงอยู่ “ใครกันที่แจ้งข่าวปลอมว่ามีการทำผิดกฎหมายที่นี่ และเป้าหมายแท้จริงคือจับสายลับคนนั้น หรือจับตำรวจผู้สืบสวนกันแน่?” คำถามนี้ค้างคาในใจภูมิและทีม เพราะพวกเขาเกือบจะโดนจับด้วยข้ออ้างคลุมเครือ
การโยงใยแห่งเหตุปัจจัย
หลังจากแยกย้ายกับเจ้าหน้าที่ผู้มาใหม่ ภูมิ หมวดนี และไตร มองหน้ากันอย่างอ่อนล้า ไฟล์ข้อมูลในแฟลชไดรฟ์อาจเป็นเบาะแสเดียวที่พอจะขยายผลได้ พวกเขารีบกลับไปยังสำนักงาน เพื่อถอดรหัสไฟล์ที่ปรากฏเป็นเอกสารเอนคริปต์ผูกด้วยคีย์ลับ
“โชคดีว่าไตรน่าจะพอมีวิธีถอดรหัส…แม้จะยาก แต่ขอให้ได้เถอะ” หมวดนีอวยพรเบา ๆ
แสงจอคอมสาดบนใบหน้าของไตรที่ตั้งใจพิมพ์โค้ดโปรแกรม คำสอนเรื่องปฏิจจสมุปบาทแวบขึ้นมาในใจภูมิอีกครั้ง — “เพราะเหตุนี้จึงเกิดผลนี้” ทุกการกระทำมีผล และทุกผลกำลังนำเขาไปสู่ก้าวต่อไปไม่รู้จบ คดีนี้จะจบลงแบบไหน หากมีคนในทีมเป็นไส้ศึกจริง ๆ? เขาควรจะเชื่อใจใครได้อีก?
เงาแห่งความขัดแย้ง
ภายในแฟลชไดรฟ์อาจมีข้อมูลโยงใยใหญ่ไปถึงผู้มีอำนาจ ซึ่งถ้าเปิดเผยต่อสาธารณะ อาจทำให้เกิดการสั่นสะเทือนไปทั้งหน่วยงานราชการ หรือแม้แต่เปลี่ยนโฉมหน้าการเมือง แต่ในอีกมุมหนึ่ง ถ้าปล่อยเรื่องนี้ไว้ อาจสูญเปล่าที่จะแก้ไขปัญหาทุจริตที่ฝังลึก
“ถึงจุดหนึ่ง ผมก็อดคิดไม่ได้ว่า ผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ อาจไม่ใช่แค่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกชาวบ้านเท่านั้น แต่มันรวมถึงใครก็ตามที่ได้ประโยชน์จากการหมุนเงินเถื่อนด้วยคริปโต” ภูมิพูดกับตัวเองเบา ๆ
การสืบสวนยังไม่ทันคืบหน้าไปไกล แต่ผู้คนที่มารายล้อม ทั้ง “ผู้กองฉัตร” และหน่วยลับที่โผล่มาอย่างน่าสงสัย ต่างทำให้ภูมิสับสนขึ้นทุกขณะ จนบางที…ก็แอบสงสัยแม้แต่ “ร.ต.อ. ไตร” อดีตแฮกเกอร์ที่ผันตัวมาเป็นตำรวจ อาจจะมีความเชื่อมโยงในวงการมืดโดยที่ไม่มีใครรู้ หรือแม้แต่ตัว “หมวดนี” เอง ซึ่งมีฝีมือทางเทคโนโลยีอย่างเหลือเชื่อ ใครบ้างที่ภูมิจะเชื่อใจได้อย่างหมดใจ?
ในห้วงความคิดอันวุ่นวาย ภูมิหันไปมองกระดานที่แปะสุภาษิตเตือนใจ — “สิ่งใดเกิดแต่เหตุ เมื่อเหตุมี สิ่งนั้นจึงมี เมื่อเหตุดับ สิ่งนั้นจึงดับ” เขารู้ดีว่าไม่มีความจริงใดโผล่พ้นน้ำได้โดยง่าย ตราบใดที่ยังมีเงามืดของอำนาจแอบซ่อนอยู่
หมายเหตุ: ในตอนที่ 2 ทีมสืบสวนเจอ “สายลับในเงามืด” และพบความผิดปกติภายในระบบราชการเอง การสืบคดีเริ่มขมวดปมเข้มข้นยิ่งขึ้น ใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลัง และ “GhostFox” จะเป็นกุญแจไขคดีหรือไม่?

ตอนที่ 3: เงื่อนงำบนเส้นด้าย
ตลอดคืนที่ผ่านมาหลังกลับจากการพบ “สายลับในเงามืด” ภูมิ หมวดนี และ ร.ต.อ. ไตร ไม่มีใครได้นอนอย่างสงบ ทุกคนแทบเฝ้าหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่กำลังประมวลผลไฟล์ข้อมูลในแฟลชไดรฟ์ เพื่อรอการถอดรหัสสำคัญ ไตรใช้ทั้งทักษะการแฮ็กและเครื่องมือซอฟต์แวร์เข้าช่วย ค่อย ๆ ไขกลอนเข้ารหัสทีละขั้นอย่างระมัดระวัง
“อีกแค่ไม่กี่บิตก็จะเห็นโครงสร้างของไฟล์แล้วครับ แต่ระวังไฟล์นี้อาจจะมีกลไกป้องกันตัวเอง ถ้าใส่รหัสผิดเพียงครั้งเดียว มันจะลบตัวเองทันที” ไตรเตือน
หมวดนีและภูมิได้แต่ลุ้นอยู่ข้าง ๆ จนกระทั่งไฟล์เริ่มคายข้อมูลออกมาเป็นชุดเอกสารและรายชื่อบุคคล พร้อมรูปภาพธุรกรรมคริปโตเกี่ยวกับเว็บเทรดมืด “Black Haven” ที่สายลับบอกไว้ ข้อมูลทั้งหมดดูราวกับเป็นแผนผังเครือข่ายของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และมีชื่อ “GhostFox” ปรากฏอยู่ในหลายจุด โดยมีข้อความอ้างอิงถึงการโอนเหรียญ “Monex” เข้าออกเว็บเทรดต่างประเทศ
เงื่อนงำแห่งรอยรั่ว
ภูมิกับหมวดนีไม่ลังเล รีบศึกษารายละเอียดทุกบรรทัดอย่างตั้งใจ แต่เมื่อพออ่านไปสักพัก พวกเขากลับสังเกตเห็น “ความแปลก” บางอย่าง — รายชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องซึ่งระบุว่าเป็นผู้สนับสนุนเงินทุน กลับมีชื่อของเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงบางคน รวมถึงคนในหน่วยงานสายสืบเดียวกับทีมของภูมิ!
“นี่มัน…เป็นไปได้ยังไง คนที่มีอำนาจหน้าที่ป้องกันอาชญากรรม กลับกลายเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินให้แก๊งพวกนี้?” หมวดนีพูดเสียงสั่น
ภูมิเองก็ช็อกไม่ต่างกัน เขาพบว่าชื่อที่ปรากฏนั้น มีใครบางคนที่คุ้นเคย เป็นตำรวจอาวุโสซึ่งเคยให้คำปรึกษาเขาในคดีอาชญากรรมไซเบอร์ก่อนหน้านี้ แม้ข้อมูลในไฟล์จะยังไม่ระบุว่าเกี่ยวข้องระดับไหน แต่เพียงเท่านี้ก็เพียงพอจะทำให้ภูมิหวาดระแวงว่า การสืบคดีครั้งนี้อาจถูก “ตีท้ายครัว” ได้ทุกเมื่อ
สายใยของปัจจัยในปฏิจจสมุปบาท
ในยามที่ความไม่แน่นอนครอบงำจิตใจ ภูมิระลึกถึงหลักคำสอนเรื่อง “อวิชชา” ในปฏิจจสมุปบาทที่ว่า ถ้ายังมีอวิชชา (ความไม่รู้เท่าทัน) เป็นราก กิเลสและตัณหาต่าง ๆ ก็จะเกิดขึ้น บิดเบือนให้มนุษย์หลงทำผิด และพัวพันกันเป็นเหตุปัจจัยต่อ ๆ ไปไม่รู้จบ เมื่อความโลภ ครอบงำ ก็นำไปสู่การฉ้อฉล การสมคบคิด และคดีอาชญากรรมเหล่านี้ ขณะที่ตำรวจจำนวนหนึ่งเกิด “อวิชชา” จนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องตกเป็นเหยื่อ
“ถ้าเราปล่อยให้ความไม่รู้เท่าทันนี้ลุกลาม มันก็จะยิ่งโยงใยใหญ่โตขึ้นเรื่อย ๆ สักวันก็ไม่รู้ว่าใครจะเป็นมิตรหรือศัตรู” ภูมิรำพึงในใจ
ประตูสู่ตลาดมืด
สิ่งแรกที่ทีมตัดสินใจก็คือ การสืบค้น “Black Haven” เว็บเทรดในตลาดมืดที่ GhostFox ใช้เป็นช่องทางรับส่งเงิน จากการค้นเบื้องต้น หมวดนีและไตรพบว่าเซิร์ฟเวอร์ของเว็บนี้กระจายอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก มีระบบเราต์ข้อมูลแบบไม่เปิดเผยที่มา การจะเจาะเข้าไปดูบัญชีของผู้ใช้จึงไม่ใช่เรื่องง่าย
“ผมพอมีเพื่อนเก่าที่เคยเป็นแฮกเกอร์สายเทาสนิทกันอยู่ เขาอาจช่วยเหลือได้ ถ้าจำเป็น” ไตรเอ่ยขึ้นพร้อมสีหน้าลังเล “แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะไว้ใจได้ไหม เพราะเขาเองก็เคยถูกจับคดีฉ้อโกงมาก่อน”
“ลองทำเท่าที่เป็นไปได้เถอะ ช้าเกินไปแก๊งนี้อาจไหวตัวทัน” ภูมิว่า ก่อนจะหันไปบอกหมวดนี “ส่วนเธอ ลองวิเคราะห์พวกข้อมูลทางการเงินที่มีในไฟล์นี้ต่อ บางทีเราอาจเจอต้นตอเส้นทางโอนเงินที่เชื่อมกับตัวจริงของ GhostFox”
รอยแตกร้าวภายใน
ขณะที่ทุกคนในทีมเตรียมลงมือทำงานเฉพาะทาง เสียงโทรศัพท์ของภูมิก็ดังขึ้น เป็นผู้กองฉัตรโทรมาเร่งรัดความคืบหน้า พร้อมเปรยว่ามี “เบื้องบน” เริ่มกดดัน
“คดีนี้เริ่มร้อนแรง กองบัญชาการอยากได้รายงานภายในเย็นวันนี้” ผู้กองฉัตรพูดด้วยน้ำเสียงรีบเร่ง
สายตาของภูมิกวาดไปเห็นโฉมหน้าของไตรและหมวดนีที่กำลังง่วนอยู่กับงานตามหน้าจอ เขาอดระแวงไม่ได้ว่า ถ้าตนรีบนำข้อมูลทั้งหมดรายงานไป อาจจะเข้าถึงหู “คนใน” ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยก็ได้ แล้วความลับที่เพิ่งได้มาจากแฟลชไดรฟ์อาจหลุดรั่ว… นำไปสู่การทำลายหลักฐานหรือแม้แต่ “ปิดปาก” ทีมสืบสวน
“เดี๋ยวผมจะส่งรายงานเบื้องต้นเฉพาะส่วนที่ไม่มีประเด็นอ่อนไหวไปก่อน” ภูมิจำเป็นต้องโกหกเล็กน้อย เขารู้ว่าถ้าต้องการคลี่คลายคดีนี้จริง ๆ “ความลับ” ต้องถูกเก็บไว้ให้พ้นสายตาบางคน
บนเส้นด้ายที่พร้อมขาด
ค่ำวันนั้น ภูมิ หมวดนี และไตรยังคงนั่งอยู่ท่ามกลางกองเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ พวกเขายิ่งคุ้ยยิ่งพบปม — ชื่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงบางคนโยงไปถึงบริษัทลงทุน ซึ่งเอาเงินไปลงทุนต่อในโปรเจกต์คริปโตปริศนา แล้วย้อนกลับมาสนับสนุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์อีกทอดหนึ่ง วงจรนี้แสนสลับซับซ้อน วกไปวนมาราวปฏิจจสมุปบาทที่ตราบใด “เหตุ” ยังไม่ดับ “ผล” ก็ยังคงอยู่
“เราไม่รู้จริง ๆ ว่าใครในสำนักงานเราเป็นพวกมันบ้าง เรากำลังเดินอยู่บนเส้นด้ายเลยนะ” หมวดนีกล่าวเสียงเบา “ถ้าข้อมูลรั่ว เราอาจโดนซ้อนแผนกลับ…”
ภูมิถอนหายใจยาว เขารับรู้ถึงแรงกดดันจากทุกสารทิศ ทั้งจากฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายบริหาร และจากเงามืดที่ไม่ปรากฏตัว ทุกย่างก้าวของพวกเขาเสี่ยงอันตรายเกินกว่าจะประเมินได้
เปิดประตูสู่โลกอีกใบ
ในที่สุด ร.ต.อ. ไตรก็ตัดสินใจติดต่อไปหาเพื่อนแฮกเกอร์เก่า ตามแผนที่จะลอบเจาะเข้า “Black Haven” เพื่อสืบหาร่องรอยบัญชีของ “GhostFox” ซึ่งอาจเป็นเบาะแสครั้งใหญ่ในการเอาผิดผู้บงการ แต่ขั้นตอนนี้เสี่ยงสูงมาก ทั้งต่อกฎหมายและต่อความปลอดภัยของเจ้าตัวไตรเอง
“ให้ผมลองเสี่ยงดูครับสารวัตร นี่อาจเป็นวิธีเดียวที่จะเข้าถึงอาณาจักรมืดของแก๊งนี้ได้” ไตรแววตาจริงจัง
และในค่ำคืนนี้เอง ทีมสืบสวนจะก้าวเท้าเข้าสู่เงามืดแห่งตลาดคริปโตใต้ดิน ที่ซึ่งพวกเขาจะพบว่า “GhostFox” อาจไม่ใช่เพียงแค่จอมโจรไซเบอร์หนึ่งคน แต่เป็นหนึ่งในเครือข่ายที่ผู้คนทั่วโลกใช้เป็นเวทีแลกเปลี่ยนเงินเถื่อน ผลประโยชน์แสนมหาศาล หมุนเวียนเป็นกงเกวียนแห่งความโลภ และอาจดึงทุกคนเข้าไปสู่เงื่อนงำแห่งการทรยศ
หมายเหตุ: ตอนที่ 3 เปิดไฟล์ข้อมูลลับ อันนำไปสู่การค้นพบว่ามีผู้มีอำนาจอยู่เบื้องหลัง เส้นทางการฟอกเงินผ่านเว็บเทรดมืดกำลังจะปรากฏเด่นชัดขึ้น แต่ก็เพิ่ม “รอยแตก” แห่งความไม่ไว้วางใจกันในทีม ติดตามต่อในตอนหน้า เมื่อการเจาะ “Black Haven” จะเผยโฉม GhostFox และ “ความลับ” ที่รออยู่…

ตอนที่ 4: รอยเท้ากลางตลาดมืด
หลังจากพักกันเพียงไม่กี่ชั่วโมง ทีมสืบสวนของสารวัตรภูมิกลับมารวมตัวกันอีกครั้งในช่วงบ่ายวันถัดมา บรรยากาศอึมครึมส่อเค้าความตึงเครียดยิ่งกว่าเดิม เพราะขณะนี้ทุกคนต่างตระหนักชัดแล้วว่า “ใครสักคน” ในหมู่เจ้าหน้าที่รัฐอาจอยู่เบื้องหลังแก๊งคอลเซ็นเตอร์คริปโต ซึ่งทำให้พวกเขาไม่กล้าไว้ใจใครอีก เว้นเสียแต่ในวงที่แคบที่สุด
ประตูสู่ “Black Haven”
ร.ต.อ. ไตร เตรียมการขั้นสุดท้ายในการติดต่อเพื่อนแฮกเกอร์เก่าสายเทา ผู้มีโค้ดเนมว่า “X-Gen” เพื่อเจาะเข้าสู่ฐานระบบเว็บเทรดมืด “Black Haven” ทั้งภูมิและหมวดนีเฝ้ามองด้วยความกังวล เพราะการกระทำครั้งนี้ใกล้เคียงกับการก่ออาชญากรรมไซเบอร์ หากผิดพลาดหรือถูกจับได้ นอกจากจะไม่สามารถเอาผิดแก๊งมิจฉาชีพได้แล้ว ทีมของพวกเขายังอาจถูกเล่นงานกลับได้ทันที
“ผมตกลงกับ X-Gen ได้ว่า เราจะจ่ายค่าตอบแทนให้เขาเล็กน้อย แลกกับสิทธิ์เข้าไปถึงเซิร์ฟเวอร์ชั้นในของ Black Haven” ไตรอธิบาย “แต่…ผมก็ไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นกับดักหรือเปล่า อย่าไว้ใจเกินไปนะครับ”
“ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว” ภูมิพยักหน้า “เราต้องเสี่ยงเพื่อโอกาสไขคดี”
เงาสะท้อนของปฏิจจสมุปบาท
ในขณะที่ทีมกำลังเตรียมดำเนินการ สารวัตรภูมินึกย้อนไปถึงหลักปฏิจจสมุปบาทอีกครั้ง “เพราะเหตุนี้ สิ่งนี้จึงเกิด” ทุกอย่างมีเหตุปัจจัยสืบโยงกันไม่ขาดสาย หากไม่มีการสนับสนุนจากผู้มีอำนาจ คอลเซ็นเตอร์จะเติบโตขนาดนี้ไม่ได้ หากไม่มีตลาดมืดอย่าง Black Haven การฟอกเงินจะไม่ง่ายขนาดนี้ และหากไม่มีมือแฮกเกอร์สายเทาอย่าง X-Gen พวกเขาก็อาจไม่สามารถสอดส่องถึงตัว GhostFox ได้
ทุกเรื่องล้วนเชื่อมเกี่ยวกันเป็นลูกโซ่ของการ “เอื้อ” และ “สนอง” ไม่รู้จบ จนทำให้ภูมิฉุกคิด “เราจะทำลายวงจรนี้ได้จริงหรือ?” หรือสุดท้ายเขาและพวกจะเพียงกลายเป็น “เหยื่อ” ในภาพซ้อนหนึ่งของวงจรอุบาทว์
การเจาะระบบที่แสนระทึก
เมื่อตกกลางคืน ทีมทั้งหมดปิดห้องประชุมชั้นในของสำนักงาน มีเพียงคนใกล้ชิดไม่กี่คนเท่านั้นที่รับรู้ ไตรต่อสายเข้าหา X-Gen ทางช่องทางสื่อสารเข้ารหัส ก่อนให้ X-Gen พาพวกเขา “โฉบ” ผ่านชั้นป้องกันของ Black Haven
หมวดนีทำหน้าที่คอยเฝ้าระวังว่าร่องรอยการเข้าถึงนี้จะไม่ถูกย้อนกลับมาหาต้นทางในประเทศไทย ส่วนภูมิยืนสังเกตการณ์อยู่ใกล้ ๆ มือกำปืนพกแน่นโดยไม่รู้ตัว — มันไม่ใช่งานเสี่ยงชีวิตแบบออกภาคสนาม แต่มันก็มีเดิมพันสูงไม่แพ้กัน
หลังผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงด้วยความเงียบงัน ในที่สุดหน้าจอคอมพิวเตอร์ของไตรก็ปรากฏหน้าล็อกอินภายในของ Black Haven สำเร็จ พวกเขารีบเร่งค้นหาว่า “GhostFox” ใช้บัญชีใด ซื้อขายอะไร และมีประวัติทำธุรกรรมกับใครบ้าง
“เจอแล้ว…” ไตรพูดเบา ๆ พร้อมซูมหน้าจอให้หมวดนีและภูมิดู “นี่คือ address ของ GhostFox และยังมี address อื่นที่เกี่ยวโยงรวมถึงข้อความบางอย่างใน Chat Log ที่เขาทิ้งไว้”
ในบันทึกการสนทนาภายใน Black Haven ปรากฏว่า GhostFox โต้ตอบกับกลุ่มผู้ใช้ที่อาจเป็นแกนนำแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีเนื้อหาทำนองว่า “สินค้าลอตใหญ่ถึงมือแล้ว” และ “พร้อมส่งค่าตอบแทนผู้สนับสนุนการฟอกเงิน”
“มันหมายถึงอะไร? สินค้าลอตใหญ่คือข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อ? หรือเกี่ยวกับยาเสพติดอาวุธด้วย?” หมวดนีคาดเดา
ภูมิหรี่ตาเพ่งมองรายละเอียด กระโดดข้ามไปอีกบรรทัด—
“ต้องขอเก็บตัวสักพัก ร้อนเกินไป …ถ้างานเสร็จ ขอให้ ‘คนบนหอคอย’ คุ้มครองต่อด้วย”
“คนบนหอคอย” คือใคร?
ทั้งสามคนชะงักงัน นี่เป็นรหัสเรียกขาน หรืออาจสื่อถึงผู้มีอำนาจระดับสูง ใครสักคนที่พวกมันเกรงใจ และเป็นตัวจริงที่คอยออกคำสั่งอยู่เบื้องหลัง การค้นพบครั้งนี้คือจิ๊กซอว์สำคัญที่จะชี้ให้เห็นว่า GhostFox ไม่ได้ทำงานลำพัง แต่มีแบ็คอัพใหญ่ที่อาจล่มได้ทั้งระบบรัฐหากปรากฏตัวในที่แจ้ง
ช่องโหว่บอกตำแหน่ง
ขณะที่กำลังจะคัดลอกหลักฐานทั้งหมด ไตรก็ชี้ให้ดูว่า ในข้อมูลของ GhostFox มีการเชื่อมต่อบางส่วนที่ “หลุด” ออกมาจากระบบนิรนาม ทำให้พวกเขาเห็นร่องรอย IP Address หนึ่งซึ่งระบุพิกัดประเทศ “สิงคโปร์”
“ถ้าที่อยู่ IP นี้ยังคงออนไลน์อยู่ อาจเป็นโอกาสให้เราตามรอยต่อว่าตัวจริงของ GhostFox อยู่ที่นั่นหรือเพียงแค่เซิร์ฟเวอร์ขนถ่ายข้อมูล” ไตรออกความเห็น
แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะคืบหน้าไปมากกว่านั้น เสียงเตือนภัยในโปรแกรมก็ดังขึ้น ไตรอุทานเบา ๆ ด้วยความตกใจ
“มีคนพยายามเจาะย้อนระบบกลับมาตาม IP ต้นทางเรา! รีบตัดการเชื่อมต่อเดี๋ยวนี้!”
หมวดนีรีบกดปุ่มปิดเครือข่าย พวกเขาตัดสายไฟบนเราท์เตอร์ทันที จากนั้นไฟล์หลักฐานสำคัญที่กำลังคัดลอกก็ถูกบันทึกไม่สมบูรณ์ อาจเสียหายบางส่วน แต่ดีกว่าปล่อยให้คนร้ายติดตามตำแหน่งเครื่องคอมฯ ในสำนักงานตำรวจ
รอยร้าวในทีม?
เมื่อเหตุการณ์สงบลง ทุกคนถอนหายใจกันเป็นแถว พร้อมกองหลักฐานกึ่งสมบูรณ์ที่ได้มา ภูมิให้ไตรเก็บมันลงในอุปกรณ์ USB และเข้ารหัสซ้ำอีกรอบ ก่อนจะส่งให้หมวดนีเก็บไว้อย่างมิดชิด ย้ำว่าห้ามแชร์ให้ใคร ไม่เว้นแม้แต่ผู้กองฉัตร จนกว่าจะมั่นใจว่าปลอดภัย
แต่นาทีนั้นเอง บรรยากาศแปลก ๆ ก็เกิดขึ้น… หมวดนีกับไตรดูเหมือนมีคำถามต่อกันเล็กน้อย เพราะงานของทั้งคู่ซ้อนกันอยู่ ไตรมีภูมิหลังเป็นแฮกเกอร์ ขณะที่หมวดนีก็มีสิทธิ์เข้าถึงระบบภายในของตำรวจ ทันทีที่แต่ละคนได้กุญแจหลักฐานนี้ไป…จะมีใครแอบทำอะไรหรือเปล่า? ภูมิเองก็เริ่มรู้สึกสังหรณ์ไม่ดี แต่เขาเลือกเก็บความสงสัยไว้ในใจ
เงาสะท้อนแห่งอนัตตา
เมื่อย้อนมองเหตุการณ์ทั้งหมด สารวัตรภูมิอดคิดถึงอีกหนึ่งแก่นของพุทธศาสนาไม่ได้ — “อนัตตา” หรือความไม่ใช่ตัวตนแท้ เราอาจไม่รู้เลยว่าภายใต้หน้ากากที่แต่ละคนแสดงออกมา แท้จริงแล้วเขาเป็นใคร หรือจะเปลี่ยนไปเมื่อใด? เช่นเดียวกับ “GhostFox” ที่ไม่เคยปรากฏโฉมและพร้อมจะเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนสังกัดได้ตลอด เพื่อหนีการสืบหา หลักอนัตตาชี้ว่าไม่มีสิ่งใด “คงตัว” อย่างแท้จริง ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปตามเงื่อนไขและปัจจัย
ในเวลานี้ การจะเอาชนะศัตรูที่ไร้ตัวตนคงไม่ใช่แค่ใช้กฎหมายหรือเทคโนโลยี แต่ต้องขุดรากเหง้าของ “อวิชชา” และ “ตัณหา” ที่หล่อเลี้ยงองค์กรอาชญากรรมนี้อยู่ด้วย
ปริศนาที่รอการไขในเงามืด
แม้ทีมสืบสวนจะได้เศษเสี้ยวหลักฐานที่เชื่อมโยง “GhostFox” กับ “คนบนหอคอย” แต่ก็ยังไม่มีอะไร “ยืนยัน” ชัด ๆ ว่าใครคือผู้บงการ หรือแม้แต่ใครในทีมตำรวจเองที่อาจเป็น “หนอนบ่อนไส้” ความระแวงกำลังแทรกซึมเข้ามาในทุกอณูของการทำงาน
ทุกคนต่างรู้ดีว่าหนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล เส้นทางที่พร้อมจะขาดได้ทุกเมื่อ… ราวกับขึงเส้นด้ายบาง ๆ ไว้เหนือหุบเหว ลึกลงไปเต็มไปด้วยผลประโยชน์ทรงอำนาจ ซึ่งอาจกลืนกินใครต่อใครที่เหยียบพลาดเพียงนิดเดียว
หมายเหตุ: ในตอนที่ 4 ทีมสืบสวนเสี่ยงเจาะเว็บเทรด “Black Haven” เพื่อตามรอย GhostFox และได้หลักฐานสำคัญบางส่วน แต่กลับยังไม่กระจ่างว่าผู้ใดคือ “คนบนหอคอย” หรือแม้แต่ใครในทีมอาจเป็นไส้ศึก ร่องรอยแห่งความไม่ไว้วางใจค่อย ๆ งอกเงย ติดตามบทสรุปชี้ขาดในตอนต่อไป…

ตอนที่ 5: สายใยที่ไม่อาจตัดขาด
ภายในห้องสืบสวนยามพลบค่ำ บรรยากาศหนาหนักจนแทบหายใจไม่ออก สารวัตรภูมิ หมวดนี และ ร.ต.อ. ไตร ต่างครุ่นคิดหาทางต่อยอดจากหลักฐานครึ่ง ๆ กลาง ๆ ที่ช่วงชิงมาได้จาก “Black Haven” แม้ส่วนหนึ่งจะชี้ไปว่า “GhostFox” มีผู้สนับสนุนเป็น “คนบนหอคอย” ผู้ทรงอำนาจบางคน แต่ชื่อของใครคนนี้ยังเลือนรางยากจะระบุ
สุ้มเสียงจากปลายสาย
สายโทรศัพท์ของภูมิดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็น “สายลับในเงามืด” คนเดิมที่เคยโผล่มานัดเจอเขาบนตึกร้าง
“ฉันได้ข่าวว่าพวกคุณรุกคืบเข้าตลาดมืด จนโดนตามย้อนกลับ… ดูเหมือนทางนั้นเริ่มรู้ตัวแล้วนะ” เสียงเรียบเฉยดังลอดสาย “มีคนในทีมของคุณขายข้อมูลให้ฝั่งนั้น พวกมันถึงย้อนรอยได้เร็วขนาดนี้”
คำกล่าวหานั้นทำให้ภูมิชะงัก เขาคิดย้อนไปถึงเหตุการณ์ตอนแฮกเข้า “Black Haven” ที่ฝ่ายตรงข้ามโต้กลับมาอย่างว่องไวเกินคาด มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร หากไม่มี “คนใน” รายงาน?
“ในเมื่อคดีนี้เสี่ยงถึงระดับโครงสร้างใหญ่ คุณเชื่อเถอะ…ไม่ใช่ทุกคนที่อยู่เคียงข้างคุณจริง ๆ” สายลับในเงามืดกล่าวทิ้งท้าย “ถ้าคุณอยากจับตัว GhostFox ให้ได้ มันจะปรากฏตัวในงานประชุมสายคริปโตใต้ดิน พรุ่งนี้สี่ทุ่ม ที่โกดังท่าเรือโบราณเขตชานเมือง ลองไปดูสิ อาจได้คำตอบว่าใครเป็นใคร”
เสียงตัดสายปล่อยความเงียบเข้าครอบงำ สารวัตรภูมิพบว่าความไม่ไว้วางใจกำลังคุกรุ่นขึ้นอีกครั้ง แม้กระทั่งกับ “หมวดนี” และ “ไตร” คนสนิทที่สู้กันมานาน ก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าใครปล่อยข้อมูลรั่ว แต่ถึงอย่างนั้น งานประชุมลับที่สายลับบอกก็อาจเป็นโอกาสทองเพียงหนึ่งเดียว ในการพบตัว GhostFox โดยตรง

บททดสอบแห่งความไว้ใจ
ขณะปรึกษาแผนบุกไปยังโกดังท่าเรือ ภูมิต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ — เขาควรพาใครไปด้วย? หากพาผิดคน เท่ากับพาผู้ทรยศเข้าไปจนทำให้ภารกิจล้มเหลว หรืออาจถึงชีวิต แต่หากไม่พา “หมวดนี” และ “ไตร” ซึ่งเป็นกำลังสำคัญด้านเทคโนโลยีและการปฏิบัติการ ก็อาจพลาดการจัดการตัว GhostFox
“เราต้องไปกันเป็นทีม” ภูมิเอ่ยขึ้น แม้ในใจยังสั่นคลอน “ผมจะขอกำลังเสริมจากหน่วยอื่นไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง ฉะนั้นเราสามคนคงต้องลุยด้วยกัน แต่ต้องแบ่งหน้าที่ชัดเจน”
ทั้งหมวดนีและไตรต่างมองสบตาภูมิ แม้จะมีร่องรอยข้อกังขาต่อกัน แต่ในเวลาวิกฤติก็ไม่มีใครปริปากโต้แย้ง พวกเขาตกลงกันว่าจะออกเดินทางโดยรถคันเล็กของหมวดนี พกอุปกรณ์สื่อสารเข้ารหัสพิเศษ ไม่เชื่อมต่อเครือข่ายหลักของสำนักงาน เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ไม่หวังดีติดตาม
ค่ำคืนเงียบงัน ณ ท่าเรือร้าง
เวลาเกือบสี่ทุ่ม บรรยากาศบริเวณโกดังท่าเรือเก่าในเขตชานเมืองอาบด้วยแสงจันทร์เลือนราง มีรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ขับเข้าออกประปราย ยามมองไปจะเห็นกลุ่มคนใส่หน้ากากหรือหมวกฮู้ดดำเดินย่องเข้าโกดัง ฝั่งหนึ่งเป็นเวทีขนาดย่อมสำหรับพูดคุย โดยมีป้ายไฟ LED เล็ก ๆ ที่เขียนเป็นรหัสบางอย่าง บ่งบอกว่าเป็นงานประชุมใต้ดินของคนในแวดวงคริปโต (และอาจรวมถึงธุรกิจมืด)
ภูมิและทีมแฝงตัวอยู่ในมุมมืด สังเกตการณ์ด้วยกล้องส่องทางไกล พวกเขาพยายามหาบุคคลที่คล้ายกับ “GhostFox” ตามรูปพรรณในแฟ้มข้อมูลลับ แต่ผู้คนที่มาล้วนปกปิดตัวอย่างแน่นหนา
“มีชายคนนั้นที่กำลังคุยกับใครบางคน ดูเหมือนเป็นคนสำคัญนะ” หมวดนีกระซิบบอกพลางชี้ไปที่เงาร่างสูงใหญ่สวมหน้ากากจิ้งจอกสีน้ำเงินยาวปิดใบหน้า
การปรากฏตัวของ “GhostFox”
ร.ต.อ. ไตรใช้กล้องจับภาพ ซูมเข้าไปให้ชัด แสงไฟบนเวทีส่องให้เห็นหน้ากากจิ้งจอกสีน้ำเงินชัดเจน ใกล้เคียงกับสัญลักษณ์ที่เคยปรากฏใน Chat Log บน Black Haven
“อาจเป็นตัวจริง… GhostFox” ไตรพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
ไม่นานนัก GhostFox เริ่มก้าวขึ้นเวทีชั่วครู่ ประกาศบางอย่างด้วยภาษาผสมไทย-อังกฤษ โดยมีใจความถึงการลงทุนในโปรเจกต์คริปโตที่ไม่ผ่านการกำกับใด ๆ และชักชวนให้ “ผู้สนับสนุนเบื้องหลัง” เข้าร่วม หากเป็นรายใหญ่จะได้รับโบนัสพิเศษ ไม่ว่าการเงินนั้นจะมาจากทางสะอาดหรือไม่ องค์กรนี้ก็รับได้ทั้งสิ้น
เงาที่ซ้อนเงา
ระหว่างที่ GhostFox กำลังพูด เสียงเอะอะจากกลุ่มชายฉกรรจ์มุมหนึ่งของโกดังดังขึ้น พวกมันมีท่าทีเหมือนอารักขาลับ บางส่วนเดินตรวจตราใกล้จุดที่ภูมิและทีมซ่อนอยู่ จนเกือบจะถูกจับได้ ไตรกับหมวดนีกำลังจะผละออก แต่ภูมิกลับตัดสินใจเสี่ยงเพื่อลุยให้ถึงตัว GhostFox
“เราต้องชิงตัวมันหรือล้วงข้อมูลตอนนี้! ถ้าปล่อยโอกาสนี้ไป อาจไม่มีอีกแล้ว” ภูมิใจกระตุก “หมวดนี เธอคอยสนับสนุนจากด้านหลัง ไตรไปกับฉัน ถ้าเกิดอะไรร้ายแรง เธอรีบหนีออกไปพร้อมหลักฐานก่อน”
หมวดนีพยักหน้า สายตาดูสับสน แต่ยังเชื่อในคำสั่งของผู้บังคับบัญชา เธอจึงล่าถอยไปตั้งแนวที่ด้านนอกโกดัง
จุดปะทะและการหักเหลี่ยม
ภูมิและไตรแทรกตัวผ่านเงามืด เข้าใกล้เวทีที่ GhostFox ยืนอยู่ พลันเงาร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากด้านข้างเป็นชายชุดดำมีผ้าปิดหน้าครึ่งล่าง ฟาดท่อนเหล็กใส่ไตรอย่างจัง จนเขาล้มลงไป ภูมิโชคดีหลบได้ทันแล้วลั่นกระสุนเตือนขึ้นฟ้า ชายชุดดำอีกสองสามคนกรูเข้ามารุมล้อม
“วางอาวุธ! เราเป็นตำรวจ!” ภูมิประกาศ
แต่ไม่มีใครกลัว โกลาหลเกิดขึ้นทันที GhostFox เบนสายตามามอง ภูมิสบโอกาสพยายามเข้าประชิดตัว ทว่ากลุ่มชายฉกรรจ์คุ้มกันเอาไว้แน่นหนา จังหวะสับสน มีเสียงปืนดังเปรี้ยงมาจากมุมมืดอีกด้านหนึ่ง กระสุนเฉียดแขน GhostFox จนหน้ากากจิ้งจอกหลุดร่วง ปรากฏโฉมหน้าเป็นชายวัยกลางคน ผิวคมเข้ม ผมสั้นเกรียน ร่องรอยบอกถึงความเชี่ยวชาญงานภาคสนาม
“เฮ้ย! ใครยิง!” GhostFox คำราม พลางเรียกพวกให้คุมสถานการณ์
ภูมิอาศัยช่วงชุลมุน โถมตัวเข้าไปคว้าคอเสื้อ GhostFox หมายจะจับกุม แต่จู่ ๆ กลับโดนแรงปะทะจากด้านข้าง เขาล้มลงพื้นอย่างแรง จนปืนกระเด็น
เงาที่ปรากฏในความมืด
เมื่อภาพตรงหน้าชัดขึ้น ภูมิพบเงาร่างหนึ่งก้าวเข้ามาหา — ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือ “หมวดนี” ที่ควรจะอยู่ด้านนอก!
“หมวดนี?! เธอ… เข้ามาได้ยังไง?” ภูมิอุทาน ใจเต้นรัวเพราะไม่คาดคิด
หมวดนีส่ายหน้าเบา ๆ เธอไม่ตอบอะไร แต่วินาทีนั้น GhostFox ที่บาดเจ็บก็สบตาหมวดนี ราวกับมีสัญญาณบางอย่างถ่ายทอดกันไร้คำพูด ก่อนหมวดนีจะเบือนหน้าหนี ภูมิพยายามตะเกียกตะกายไปหาอาวุธ แต่แล้วร.ต.อ. ไตรที่บาดเจ็บอยู่ก็ร้องเตือนขึ้น
“สารวัตร ระวัง!! ผมเห็น… เธอ… ติดต่อกับบางคนก่อนมาที่นี่…”
ยังไม่ทันที่ไตรจะพูดจบดี เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เล็งไปที่ชายฉกรรจ์ด้านหลัง GhostFox ร่างของมันล้มลง สร้างความโกลาหลวุ่นวายไปทั่ว ภูมิใช้จังหวะนี้ตะครุบตัว GhostFox มาล็อกกุญแจมือ ส่วนไตรกัดฟันลุกขึ้นประคองตัวเอง
ตอนจบที่กลับกลาย
ในที่สุดทีมกึ่งจับกุมกึ่งควบคุมเหตุการณ์ไว้ได้ กลุ่มชายฉกรรจ์ส่วนใหญ่ล่าถอยไป เหลือเพียง GhostFox ที่ถูกใส่กุญแจมือกับเก้าอี้และผู้บาดเจ็บประปราย
ภูมิพยายามเค้นถาม GhostFox ว่าใครคือ “คนบนหอคอย” และพวกมันมีข้อตกลงอะไรกัน GhostFox เพียงแค่หัวเราะในลำคอ ใบหน้าที่บาดเจ็บมีเลือดซึมรอบ ๆ ไหล่
“แกคิดจริง ๆ หรือว่าแกจับฉันได้ แล้วจะปิดคดีหมด? ฉันไม่ใช่เจ้านายตัวจริง… ฉันก็แค่ ‘ตัวเชื่อม’ ที่รับงานจากข้างบน แกควานหาความจริงต่อไปเถอะ… แต่จำไว้ให้ดี สิ่งที่แกเห็น…อาจไม่ใช่อย่างที่แกคิด”
ก่อนที่ภูมิจะซักต่อ หมวดนีก็ก้าวเข้ามาสะกิดแขนสารวัตร เธอชี้ไปข้างนอกโกดัง “มีเจ้าหน้าที่รัฐอีกกลุ่มกำลังมา…ฉันไม่แน่ใจว่าเป็นพวกเดียวกับเรา หรือพวกของคนบนหอคอย” สายตาเธอฉายแววกังวล
ความจริงหลากมุม… ราว “ราโชมอน”
สุดท้าย ภูมิ ไตร และหมวดนี ต่างต้องรีบพา GhostFox หนีออกมาโดยติดต่อผู้กองฉัตรอย่างลับ ๆ เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ในวินาทีที่รถออกจากโกดัง ทุกอย่างกลับสับสนอีกครั้ง เพราะกองกำลังที่มาถึงไม่ประกาศตนเป็นตำรวจ และพยายามยิงสกัดใส่รถของภูมิ หน่วยของภูมิเลยจำต้องแล่นรถฝ่าดงกระสุนออกไปท่ามกลางความมืด
เมื่อถึงเซฟเฮาส์ลับ ทีมก็ต้องเผชิญ “ภาวะคำให้การหลากมุม” — GhostFox โยนความผิดให้ “หมวดนี” ว่าเธออาจเป็นตัวกลางส่งข้อมูลลับให้คนบนหอคอย ไตรเองก็อ้างว่าตนมีหลักฐานบางส่วนว่า “หมวดนี” ติดต่อกับบุคคลต้องสงสัย แต่หมวดนีกลับปฏิเสธแล้วหันไปกล่าวหาว่า อาจเป็น “ไตร” เองที่แกล้งบาดเจ็บเพื่อให้หลบซ่อนข้อมูลบางอย่าง แล้วภูมิจะเชื่อใคร?
ปฏิจจสมุปบาท — ทุกเหตุย่อมมีหลายปัจจัย
เมื่อสารวัตรภูมิพบข้อกล่าวหาของทั้งสองฝ่ายที่ขัดแย้งกัน เขาเริ่มตระหนักว่าความจริงอาจไม่ได้มีเพียงหนึ่งเดียว เช่นเดียวกับเหตุการณ์ใน “ราโชมอน” ที่ต่างคนต่างมีคำให้การและมุมมองเป็นของตนเอง ทุกเรื่องล้วนขึ้นกับเงื่อนไขและเหตุปัจจัยหลากหลาย เส้นแบ่งระหว่าง “ผู้บริสุทธิ์” กับ “ผู้กระทำผิด” จึงเลือนรางจนน่าหวาดหวั่น

ปลายเปิดแห่งความคลุมเครือ
กว่าสารวัตรภูมิจะได้สติตัดสินใจ หน่วยงานบางกลุ่มก็บุกเข้ามายังเซฟเฮาส์ มาพร้อมหมายคำสั่งเรียกตัว GhostFox ไปรับการสอบสวนโดยด่วน โดยอ้างว่าเป็นคำสั่ง “ผู้บังคับบัญชา” ระดับสูง แม้ภูมิจะพยายามประท้วงขอเวลาดำเนินคดีตามขั้นตอน แต่กลับถูกเพิกเฉย จู่ ๆ มีโทรศัพท์เข้าเครื่องของหมวดนี เธอรับฟังไม่กี่วินาทีก็หันมากระซิบบอกภูมิว่า
“เราอาจต้องมอบตัว GhostFox ให้เขา… ไม่งั้นคงจบไม่สวย”
ในจังหวะสับสนวุ่นวาย GhostFox โดนควบคุมตัวออกไปด้วยท่าทีเย้ยหยัน บ่งบอกว่ามี ‘มือเหนือเมฆ’ คอยปกป้องอยู่ ส่วนสารวัตรภูมิได้แต่ยืนนิ่ง ไม่รู้จะเดินหน้าอย่างไรต่อ — ผู้กองฉัตรเองก็เงียบหาย ไตรกับหมวดนีมีปมสงสัยต่อกัน ตำรวจในทีมก็ไม่แน่ว่าใครอยู่ฝ่ายไหน
สุดท้ายแล้ว “คนบนหอคอย” ยังคงลอยนวล คดีนี้ดูเหมือนจะไม่จบง่าย ๆ และยังอาจถูกปั่นให้เงียบหายไปในกระบวนการ …หรือกระทั่งถูกปิดลงด้วยคำสั่งลับเหนืออำนาจของคนทำงานสืบสวนระดับกลาง
บทสรุปที่ไร้บทสรุป
กงล้อแห่ง “อวิชชา ตัณหา อุปาทาน” ยังคงหมุนต่อเนื่อง ตราบใดที่ผลประโยชน์และความโลภยังดำรงอยู่ “เพราะเหตุนี้ สิ่งนี้จึงเกิด” ไม่มีผู้ใดรู้ว่าใครคือผู้บริสุทธิ์อย่างแท้จริง และใครเป็นผู้กระทำผิดตัวจริง เพราะในโลกที่การเงินและเทคโนโลยีเชื่อมถึงกัน การสวมหน้ากากเดินข้ามเส้นกฎหมายกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นทุกที
ในยามที่ทุกสายตาสับสนไม่รู้จะเชื่อใคร เงาร่างของผู้เกี่ยวข้องต่าง ๆ — สารวัตรภูมิ หมวดนี ไตร GhostFox และแม้แต่ผู้กองฉัตร — ล้วนดูมีมุมที่น่าสงสัย หากมองในอีกแง่มุมหนึ่ง ใครก็อาจเป็นผู้ต้องหาได้ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน เหมือนดังเรื่องราวใน “ราโชมอน” ที่ปล่อยให้ “ความจริง” แปรเปลี่ยนไปตามสายตาของผู้เล่า
และนี่คือจุดสิ้นสุดของคดี… หรืออาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นใหม่อีกรูปแบบหนึ่ง
เมื่อไม่มีอะไรที่ตัดขาดได้จริงในกระแสปฏิจจสมุปบาท
ผู้ใดกันแน่… คือผู้สมคบคิด?
ผู้ใด… คือผู้ถูกหลอก?
ผู้ใด… คือผู้บริสุทธิ์?
เมื่อม่านแห่งความสงสัยยังไม่ปิดลงอย่างสมบูรณ์ บางทีคำตอบที่แท้จริง อาจอยู่ตรงช่องว่างระหว่าง “เหตุ” และ “ผล” ซึ่งซ้อนทับอยู่ในความมืดมิดของมนุษย์ และท้ายที่สุด… อาจไม่มีผู้ใดก้าวออกจากวงจรนี้ได้เลย

บทสรุปความจริงในเงามืด
ในคืนที่ “GhostFox” ถูกควบคุมตัวออกจากเซฟเฮาส์ไปอย่างฉุกละหุก ทั้งสารวัตรภูมิ ร.ต.อ. ไตร และหมวดนี ต่างตกอยู่ในความเงียบงันที่แสนอึดอัด ไม่มีใครพูดอะไรต่อกันอีก ทุกคนรับรู้ดีว่าพวกเขาอาจสูญเสีย “โอกาสสุดท้าย” ในการคลี่คลายคดีไปแล้ว และไม่มีหลักประกันใดเลยว่า “GhostFox” จะยังอยู่ในการควบคุมของฝ่ายที่เป็นธรรม หรืออาจถูกพาไปเก็บเงียบ ๆ โดยข้อตกลงของ “คนบนหอคอย” ไม่ให้ใครได้สืบสาวต่อ
เช้าวันรุ่งขึ้น
สำนักงานสืบสวนฯ อันเงียบเชียบ กลับเต็มไปด้วยข่าวลือหนาหูว่ามีการยุบหน่วยสืบสวนคดีพิเศษที่สารวัตรภูมิดูแล เหตุเพราะคดีไปพัวพันผู้มีอำนาจระดับสูง หัวหน้างานหลายคนถูกปรับเปลี่ยนตำแหน่งโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน ผู้กองฉัตรก็หายหน้าไปโดยไม่ได้ลาครึ่งเดือนแล้ว หมวดนีและไตรถูกพักงานชั่วคราวรอผลสอบภายในโดยอ้างว่าทำงานเกินขอบเขตอำนาจหน้าที่ ส่วนสารวัตรภูมิเองกำลังถูกโยกย้ายไปประจำหน่วยในพื้นที่ห่างไกล
ขณะที่ภูมิกำลังเก็บของใช้จากห้องทำงาน ใจเขานึกถึงหลักปฏิจจสมุปบาทอีกครั้งอย่างเลี่ยงไม่ได้ — “เพราะเหตุนี้ สิ่งนี้จึงเกิด” หากไม่ตัดวงจรของเหตุ ปัจจัยเหล่านี้ย่อมขยายตัวก่อให้เกิดผลใหม่ไม่สิ้นสุด กงล้ออาชญากรรมหมุนวนไปได้เพราะ “คนบนหอคอย” ยังคงดำรงอยู่ และโครงสร้างแห่งความโลภอันยากจะพังทลายก็ดำเนินต่อ
ทว่า… เมื่อเขาปิดไฟห้องทำงานลง ประตูไม้สำนักงานก็แง้มเปิดขึ้นเงียบ ๆ หมวดนีปรากฏตัวพร้อมสีหน้าหนักแน่น เธอก้มศีรษะขอร้องให้ภูมิอย่าเพิ่งยอมแพ้ ก่อนส่งซองเอกสารบาง ๆ ให้
“นี่เป็นไฟล์เกี่ยวกับธุรกรรมคริปโตที่ฉันกู้คืนมาได้จากฮาร์ดดิสก์สำรองหลังคืนนั้น… ไม่เยอะ แต่บางรายการอาจเป็นประโยชน์ ถ้าสารวัตร…อยากกลับมาสางคดีนี้อีกเมื่อมีโอกาส”
“แล้วเธอเองล่ะ จะไปไหนต่อ?” ภูมิมองด้วยแววกังขา
“ฉันก็ไม่รู้…แต่ถ้ามีหลักฐานมากพอจะพลิกเกม ฉันจะกลับมาช่วย ขอแค่สารวัตรอย่าหมดหวัง”
ร.ต.อ. ไตรซึ่งยืนห่างออกไปในเงามืดของโถงทางเดินส่งสัญญาณเล็ก ๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ เขาเองก็ถูกสอบวินัย แต่ยังมีเส้นสายแฮกเกอร์บางส่วนที่ยินดีเสี่ยงช่วยกันตามล่าปริศนาของ “GhostFox” และเบื้องหลังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นี่อาจเป็นเพียงเงื่อนงำสุดท้ายที่เหลืออยู่
ดังนั้น…คดีนี้จึงไม่ได้จบลงอย่างแท้จริง
มันเป็นเพียง “บทพัก” อีกบทหนึ่ง ในขณะที่ผู้กระทำผิดตัวจริงลอยนวล และ “ความจริง” อาจถูกบดบังไว้หลังม่านแห่งอำนาจ เมื่อใดที่วงจรเหล่านี้ยังไม่ถูกทำลาย เมื่อนั้นก็ย่อมมีผู้ตกเป็นเหยื่อ เมื่อมีเหตุ…ย่อมเกิดผล และเพราะผลก็กลายเป็นเหตุใหม่ วนเวียนอยู่เช่นนี้
ในวันนั้นเอง แม้เรื่องจะยุติลงอย่างคลุมเครือ ราวฉากสุดท้ายของ “ราโชมอน” ที่ใครก็อาจเป็นผู้ร้ายในมุมมองหนึ่ง แต่อีกมุมมองหนึ่งอาจเป็น “ผู้เสียหาย” ก็ได้ สารวัตรภูมิตัดสินใจรับซองเอกสารจากหมวดนีไว้พร้อมแววตาแห่งความมุ่งมั่น
“จะอีกนานแค่ไหนไม่รู้…แต่สักวันฉันจะหวนกลับมาแก้ไขมัน… ให้ถึงที่สุด”
- จบ —

สรุปชื่อตัวละคร
สารวัตร “ภูมิ”
ตำแหน่ง/บทบาท: หัวหน้าทีมสืบสวนที่รับผิดชอบคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์กับการฟอกเงินด้วยคริปโต
บุคลิก: เคร่งขรึมและมุ่งมั่นในการไขคดี ค่อนข้างระแวดระวังและมีจรรยาบรรณในการเป็นตำรวจสูง เชื่อในกระบวนการยุติธรรมแต่ก็เริ่มสั่นคลอนเพราะพบการทุจริตของคนในเครื่องแบบเอง
จุดเด่น: ชอบอ้างอิงหลักธรรมในพุทธศาสนามาใช้ตีความปรากฏการณ์ต่าง ๆ มองภาพรวมของคดีแบบเชื่อมโยงเหตุปัจจัย
หมวด “นี”
ตำแหน่ง/บทบาท: รองสารวัตรสาวผู้เชี่ยวชาญด้านการสืบสวนออนไลน์ ด้านข้อมูลและเทคโนโลยี
บุคลิก: ฉลาด คล่องแคล่ว แต่มีความลึกลับบางอย่างในตัว เธอเป็นคนสุขุม สามารถปรับสีหน้าให้ดูนิ่งได้แม้ภายในจะหวั่นไหว เคยใกล้ชิดข้อมูลลับในหน่วยราชการ เลยถูกสงสัยว่าอาจเข้าถึง/รั่วไหลข้อมูล
จุดเด่น: เป็นมันสมองสำคัญในการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวบนบล็อกเชน หาช่องโหว่เจาะข้อมูล แต่อาจมีเงื่อนงำบางอย่างที่ทำให้คนอื่นไม่ไว้ใจเต็มร้อย
ร.ต.อ. “ไตร”
ตำแหน่ง/บทบาท: อดีตแฮกเกอร์ที่ผันตัวมาร่วมงานกับตำรวจ เป็นผู้ช่วยเก็บหลักฐานออนไลน์ ลากร่องรอยธุรกรรมในโลกคริปโต
บุคลิก: ดูติดดิน ท่าทางเป็นกันเอง แต่เพราะมีอดีตเป็น “แฮกเกอร์สายเทา” จึงทำให้บางครั้งเจ้าตัวมีคอนเน็กชันกับกลุ่มลับในตลาดมืด ความน่าเชื่อถืออาจสั่นคลอนหากต้องทำงานแบบโปร่งใส 100%
จุดเด่น: เก่งเรื่องเจาะระบบ ติดตามร่องรอยไซเบอร์ กู้คืนไฟล์ที่ซับซ้อน มีความคิดสร้างสรรค์นอกกรอบ
ผู้กอง “ฉัตร”
ตำแหน่ง/บทบาท: หัวหน้าหน่วยข่าวกรองที่มักแจ้งเบาะแสหรือประสานงานกับสายลับ แต่กลับหายตัวและไร้คำอธิบายช่วงท้าย
บุคลิก: สีหน้าเรียบนิ่ง บางครั้งเร่งรัดเรื่องคดี บางครั้งก็เหมือนปกปิดข้อมูลบางอย่าง เป็นคนไว้ตัวยากจะอ่านใจ
จุดเด่น: เชื่อมโยงเครือข่ายคนในวงราชการระดับสูง หรือบางทีอาจเป็นเพียงเครื่องมือของใครอีกทอด
“GhostFox”
ตำแหน่ง/บทบาท: อาชญากรไซเบอร์ (หรือ “ตัวเชื่อม”) ผู้พัวพันกับการฟอกเงินในตลาดมืด Black Haven คอยติดต่อซื้อขายเหรียญคริปโตให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์และผู้มีอำนาจลึกลับ
บุคลิก: เจ้าเล่ห์ ฉลาดในการปกปิดตัวตน เปลี่ยนชื่อ/ที่อยู่ได้คล่องตัว แต่แท้จริงอาจไม่ได้เป็น “หัวหน้า” ตัวจริง เป็นเพียงผู้รับงานจาก “คนบนหอคอย” อีกที
จุดเด่น: มีประสบการณ์และคอนเน็กชันกว้างขวางในโลกคริปโตใต้ดิน เชี่ยวชาญเทคโนโลยีซ่อนธุรกรรม (Mixers, Privacy Coins) และเก็บงำความลับว่าใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลัง