สถิติภัยคุกคามที่เกิดขึ้นกับผู้ให้บริการโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย ปี 2556

ข้อมูลที่นำเสนอต่อไปนี้เป็นการรวบรวมสถิติโดยเฉพาะภัยคุกคามทางโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ตที่เกิดขึ้นในประเทศไทย จึงคิดว่าควรจัดรวบรวมข้อมูลนี้สรุปเป็นรายปี เกิดขึ้นโดยการรวมค่าที่ได้มาจาก ASN (Autonomous System Number) ที่มีอยู่ในประเทศไทยและค้นหาตามไอพีที่อยู่ภายใต้ ASN จัดรวมในรูปข้อมูลบนฐานข้อมูลกลางทำให้เราเห็นภาพรวมที่น่าสนใจ

ภาพจากระบบ SRAN : Thailand Internet Map System ที่จัดทำขึ้นเมื่อปลายปี 2556  
จากข้อมูลที่ทางทีมงาน SRAN ได้รวบรวมขึ้นมาเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2556 พบว่า
จากภาพแผนที่อินเทอร์เน็ตที่ทางศูนย์เทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์แห่งชาติ NECTEC ได้จัดทำขึ้นในเดือนธันวาคม 2556 ที่เป็น International Internet Gateway มาประกอบกับข้อมูลที่ทางทีมงาน SRAN จัดทำลงฐานข้อมูลจะสามารถสรุปได้ดังนี้

1. เส้นทางการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในประเทศไทยไปยังต่างประเทศ
จากจำนวนค่า ASN ที่ Active โดยมีการเส้นทางการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและมีการใช้งานแก่ผู้บริโภคทางโทรคมนาคมจำนวน 252 ASN พบลิงค์ไปยังต่างประเทศ 46 ประเทศที่ปรากฏ

จะพบว่าเส้นทางเชื่อมต่อินเทอร์เน็ตไปที่ประเทศสหรัฐอเมริกาจำนวนมากที่สุดถึง 22 ลิงค์ รองลองมาคือประเทศญี่ปุ่น จำนวน 8 ลิงค์ และประเทศออสเตเลีย และอังกฤษจำนวน 7 ลิงค์
ASN ที่สำคัญในประเทศไทย
2. CAT Telecom 
– AS4651  มีการเชื่อมโยงดังนี้
ภาพแผนที่การเชื่อมโยงอินเทอร์เน็ตขาต่างประเทศของ AS4651
รวมลิงค์ที่เชื่อม AS4651 จำนวน 21 ลิงค์ที่ไปต่างประเทศ
โดยเชื่อมกับประเทศสหรัฐอเมริกาจำนวน 8 ลิงค์ ประเทศอังกฤษ จำนวน 3 ลิงค์ และฮ่องกง จำนวน 3 ลิงค์ เป็นต้น
– AS4652 
– AS9931
3. TOT
 AS38040 
เมื่อทำการวิเคราะห์ภาพรวมประเภทหน่วยงานภายในประเทศไทย แบ่งเป็น 3 ชนิดภัยคุกคามจาก 5 กลุ่มประเภทหน่วยงาน ซึ่งประกอบด้วย
ชนิดที่ 1 : เว็บไซต์ในประเทศไทยที่ถูกโจมตี ได้แก่ การโจมตีชนิดที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลในเว็บไซต์ (web defacement)
ชนิดที่ 2 : เว็บไซต์ในประเทศไทย ที่ตกเป็นฐานของฟิชชิ่ง (Phishing) จนกลายเป็นเว็บหลอกลวง
ชนิด ที่ 3 : เว็บไซต์ในประเทศไทย ที่ติดไวรัสคอมพิวเตอร์ (Malware) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเว็บไซต์ที่ถูกโจมตีแล้วสามารถเข้าถึงระบบได้และมีการนำไฟล์ไวรัสเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์
โดยสามารถจัดอันดับตาม ASN ในประเทศไทยได้ดังนี้
(ข้อมูลจาก www.sran.net)
รายชื่อ 10 อันดับ หน่วยงานที่พบการโจมตีบนโลกไซเบอร์ (Web Attack) มากที่สุดในประเทศไทย 
อันดับ 1 AS9931  ของบริษัท CAT Telecom  จำนวนที่พบ 6,543 ครั้ง
อันดับ 2 AS9891 ของบริษัท CS LOXINFO  จำนวนที่พบ 1,913 ครั้ง
อันดับ 3 AS4618 ของบริษัท Internet Thailand Company Limited จำนวน 1,336 ครั้ง
อันดับ 4 AS56067 ของบริษัท Metrabyte company จำนวน 1,330 ครั้ง
อันดับ 5 AS23974 ของกระทรวงศึกษาธิการ จำนวน 924 ครั้ง
อันดับ 6 AS4765 ของบริษัท World Net & Services จำนวน 916 ครั้ง
อันดับ 7 AS4621 ของโครงข่ายมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษา จำนวน 599 ครั้ง
อันดับ 8 AS7470 ของบริษัท True Internet จำนวน 294 ครั้ง
อันดับ 9 AS23884 ของบริษัท Proimage Engineering and Communication จำนวน 261 ครั้ง
อันดับ 10 AS9737 ของบริษัท TOT จำนวน 183 ครั้ง
รายชื่อ 10 อันดับ หน่วยงานที่พบว่ามีการติดเชื้อ (Malware) มากที่สุดในประเทศไทย
อันดับ 1 AS9931 ของบริษัท CAT Telecom จำนวน 19,027 ครั้ง
อันดับ 2 AS9891 ของบริษัท CS Loxinfo จำนวน 3,607 ครั้ง
อันดับ 3 AS56067 ของบริษัท Metra byte company จำนวน 2,612 ครั้ง
อันดับ 4 AS131447 ของบริษัท POP IDC จำนวน 1,596 ครั้ง 
อันดับ 5 AS23884 ของบริษัท Proimage Engineering and Communication จำนวน 860 ครั้ง
อันดับ 6 AS9737 ของบริษัท TOT จำนวน 650 ครั้ง
อันดับ 7 AS23974 ของกระทรวงศึกษาธิการ จำนวน 639 ครั้ง
อันดับ 8 AS7654 ของบริษัท Internet Service Provider จำนวน 592 ครั้ง
อันดับ 9 AS7470 ของบริษัท True Internet จำนวน 405 ครั้ง
อันดับ 10 AS56309 ของบริษัท Siam Data จำนวน 386 ครั้ง
Nontawattana  Saraman
SRAN Dev

นนทวรรธนะ  สาระมาน
18/01/57

แนวโน้มภัยคุกคามที่เกิดขึ้นในปี 2557

ทางทีมงาน SRAN ได้รวบรวมภัยคุกคามที่คิดว่ามีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในปี 2557 มาให้อ่านโดยประกอบเนื้อหาดังนี้

1. การใช้บริการธนาคารผ่านทางโทรศัพท์มือถือ จะได้รับผลกระทบจากการโจมตี MITM การพิสูจน์ยืนยันสองขั้นตอน ไม่เพียงพออีกต่อไป

ปี 2555 เราได้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของภัยคุกคามบริการธนาคารออนไลน์ ไตรมาสที่สามเห็นการติดเชื้อมัลแวร์ในระดับสูงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ภัยคุกคามธนาคารไม่ได้จำกัดอยู่ที่คอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียว เรายังพบมัลแวร์เหล่านี้ในโทรศัพท์มือถืออีกด้วย แอพบริการธนาคารปลอมกลายเป็นปัญหาที่พบบ่อย และได้ตกเป็นเป้าหมายของอาชญากร นำมาโดยแอพมุ่งร้ายที่เสแสร้งว่าเป็นตัวสร้างรหัสสำหรับการพิสูจน์ตัว
การใช้โทรศัพท์มือถืออย่างไม่ตั้งใจ อาจทำให้การพิสูจน์ยืนยันสองขั้นตอนไม่เพียงพอ เนื่องจากผู้คนใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อการทำธุรกรรมทางการเงิน และการพิสูจน์ตัวมากขึ้น อาชญากรเริ่มใช้การดักข้อมูลตัวเลขที่ใช้เพื่อการพิสูจน์ตัว โดยอาศัยความช่วยเหลือจากมัลแวร์บนโทรศัพท์มือถือ เช่นPERKEL และ ZITMO

ในปี 2556 เกือบหนึ่งในห้าของผู้ใช้สมาร์ทโฟนในสหรัฐ ฯ ทำธรุกรรมผ่านทางอุปกรณ์พกพา คาดว่าตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นในปี 2557 ซึ่งจะเป็นปีแห่งใช้บริการธนาคารในโทรศัพท์มือถือ แต่คาดได้ว่าจะมีภัยคุกคามอย่างการโจมตี man-in-the-middle (MitM) เพิ่มขึ้นด้วย

แอนดรอยด์จะยังคงเป็นระบบปฏิบัติการที่โดดเด่นมากที่สุดในตลาด แต่ความโดดเด่นนี้จะยังคงถูกใช้ประโยชน์ เนื่องจากเราคาดเดาว่าปริมาณของแอพมุ่งร้ายและมีความเสี่ยงสูง จะไปถึงสามล้านแอพ ภายในสิ้นปี 2557 ถึงแม้ Google จะทุ่มเทความพยายามในการแก้ไขปัญหานี้ โดยการออกระบบปฏิบัติการใหม่ Android KitKat แต่ไม่ใช่ผู้ใช้ทุกคนที่จะได้รับประโยชน์จากฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยใหม่นี้ เนื่องจากปัญหาในขั้นตอนการอัพเดทของระบบปฏิบัติการ

ระบบปฏิบัติการใหม่ ๆ สำหรับโทรศัพท์มือถือ เช่น Tizen, Sailfish และ Firefox ที่อ้างว่าสามารถทำงานร่วมกับแอพของแอนดรอยด์ได้ กำลังเข้าสู่ตลาด ข้อดีคือ ทำให้แอพของแอนดรอยด์สามารถทำงานบนระบบปฏิบัติการอื่น ๆ ได้ แต่ก็มีข้อเสียคือ ช่วยให้อาชญากรสร้างภัยคุกคามสำหรับหลากหลายแฟลตฟอร์มได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

2. อาชญากรจะใช้วิธี targeted attack และ spear phishing เพิ่มมากขึ้น

targeted attack เป็นการโจมตีที่มุ่งเป้าไปยังผู้ใช้ บริษัท หรือองค์การแบบเฉพาะเจาะจง ไม่ทำแบบสุ่มไปทั่ว แต่จะออกแบบมาเพื่อโจมตีและละเมิดเป้าหมายเฉพาะเท่านั้น

ในปี 2556 การโจมตีครั้งหนึ่งสามารถควบคุมคอมพิวเตอร์มากกว่า 12,000 ไอพีจากประเทศต่าง ๆ มากกว่า 100 ประเทศ โดยใช้เครื่องแม่ข่ายcommand-and-control (C&C) เพียงสองตัว แสดงให้เห็นว่าขนาดนั้นไม่สำคัญ แม้แต่การโจมตีที่เล็กที่สุดก็สามารถใช้ได้ผลกับเป้าหมายขนาดใหญ่ที่สุดได้ การโจมตีที่ประสบความสำเร็จเหล่านี้ทำให้อาชญากรนำเทคนิคของ targeted attack มาใช้

ในปี 2557 อาชญากรจะใช้วิธี targeted attack เพิ่มมากขึ้น การค้นคว้าเกี่ยวกับซอฟท์แวร์โอเพ่นซอร์ส และการโจมตี spear phishing จะมีเพิ่มมากขึ้น

spear phishing เป็นความพยายามหลอกลวงโดยใช้อีเมลปลอม มุ่งเป้าไปที่องค์การเฉพาะเจาะจง เพื่อให้สามารถเข้าถึงข้อมูลความลับ โดยทั่วไปแล้ว จะไม่ใช่การกระทำแบบสุ่ม แต่เป็นเกิดจากผู้กระทำความผิดที่มุ่งหวังผลประโยชน์ทางการเงิน ความลับทางการค้า หรือข้อมูลข่าวสารทางทหาร

แรงจูงใจของการนำเทคนิคของ targeted attack มาใช้ มีมากกว่าเรื่องอัตราผลสำเร็จ ยังเป็นเพราะการใช้งานง่าย และประสิทธิผลในการหลบหลีกการตรวจจับ ส่วนการโจมตี spear phishing ยังทำได้ค่อนข้างง่าย และยากในการติดตามหาต้นตอ

จะมีการใช้ช่องโหว่ CVE-2012-0158 และ CVE-2010-3333 เพื่อโจมตีเป้าหมายต่อไป โดยเฉพาะ CVE-2010-3333 เป็นช่องโหว่ที่ถูกโจมตีมากที่สุดใน Microsoft Word จนกระทั่งมีช่องโหว่ CVE-2012-0158 ปรากฏขึ้นมา

อย่างไรก็ตามอาชญากรจะไม่อาศัยเพียงช่องโหว่ในซอฟท์แวร์และระบบเท่านั้น แต่ยังพยายามเอาชนะจุดอ่อนที่สุด คือมนุษย์นั่นเอง

3. ในปริบทของ targeted attack เราจะเห็นการโจมตี  clickjacking และ watering hole มากขึ้น

watering hole เป็นกลยุทธ์ในการโจมตีที่ค้นพบในปี 2555 โดยบริษัท RSA โดยผู้โจมตีต้องการโจมตีกลุ่มเฉพาะเจาะจง ประกอบด้วยสามขั้นตอนคือ หนึ่ง คาดเดาหรือสังเกตเว็บไซต์ที่กลุ่มนั้นใช้งานบ่อย สอง แพร่มัลแวร์ไปยังเว็บไซต์เหล่านี้ สาม สมาชิกในกลุ่มเป้าหมายติดเชื้อมัลแวร์ โดยอาศัยความเชื่อถือที่กลุ่มเป้าหมายมีต่อเว็บไซต์ ทำให้กลยุทธ์นี้มีประสิทธิภาพ ถึงแม้กลุ่มนี้จะมีความต้านทานต่อการโจมตี spear phishing หรือรูปแบบอื่น ๆของphishing

ปี 2556 เฟซบุ๊คตกเป็นเหยื่อของการโจมตี watering hole ต้นตอมาจากเว็บไซต์ของผู้พัฒนา iPhone แห่งหนึ่ง การโจมตีนี้โดดเด่น เนื่องจากความแม่นยำและความสำคัญของเหยื่อ โดยผู้โจมตีได้ฝังมัลแวร์ไปในหน้าเว็บหนึ่ง ที่รู้ว่าสามารถดึงดูดเป้าหมายที่พวกเขาต้องการได้ เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า ผู้โจมตีไม่จำเป็นต้องอาศัยกลวิธีแนบไฟล์มาพร้อมอีเมล ตามแบบดั้งเดิมเท่านั้น

เราจะเห็นการโจมตี watering hole มากขึ้นในปี 2557 ผู้โจมตีจะหลอกล่อเป้าหมายมายังไซต์ที่มี watering hole โดยใช้เทคนิค social engineeringหรือ clickjacking เพื่อที่จะใช้ช่องโหว่เพื่อบุกรุกคอมพิวเตอร์

clickjacking เป็นเทคนิคในการหลอกล่อผู้ใช้ให้คลิกที่บางสิ่งบางอย่าง ที่แตกต่างจากสิ่งที่ผู้ใช้เข้าใจว่ากำลังคลิกอยู่ ซึ่งจะเปิดเผยข้อมูลความลับ หรือยึดการควบคุมคอมพิวเตอร์ ในขณะที่กำลังคลิกในหน้าเว็บที่ดูเหมือนไม่มีอันตราย เป็นปัญหาความปลอดภัยของเว็บบราวเซอร์ clickjack จะใช้รูปแบบของโค้ดหรือสคริปท์ที่สามารถปฏิบัติการโดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัว เช่นการคลิกที่ปุ่มที่ดูเหมือนจะทำงานอีกหน้าที่หนึ่ง

จากการที่มีช่องโหว่ในระบบปฏิบัติการที่พบน้อยลง ผู้โจมตีจะหันไปสนใจกับช่องโหว่ในชุดซอฟท์แวร์มากขึ้น โดยเฉพาะซอฟท์แวร์ที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ขายอีกต่อไป ซึ่งจะนำไปสู่การโจมตีที่มุ่งเป้าไปที่ช่องโหว่ที่ค้นพบใหม่ ๆ

ผู้โจมตีจะไม่อาศัยอีเมลเป็นพาหะการโจมตีเพียงอย่างเดียว ด้วยการเพิ่มขึ้นของแนวโน้มที่พนักงานนำอุปกรณ์ไอทีของตนมาใช้ในที่ทำงาน (consumerization) ซึ่งจะทำให้โทรศัพท์มือถือกลายเป็นพาหะในการโจมตีเพิ่มมากขึ้น ผู้โจมตีจะมุ่งเป้าไปที่อุปกรณ์ใด ๆ ที่จะเชื่อมต่อกับเครือข่ายเป้าหมาย ทำให้อุปกรณ์ที่สวมใส่ได้อย่างนาฬิกาอัจฉริยะ (smart watches) ก็จะกลายเป็นเป้าหมายใหม่ด้วย

4. เราจะได้เห็นการละเมิดข้อมูลครั้งสำคัญ เกิดขึ้นเดือนละครั้ง

ข้อมูลยังคงเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจสำหรับอาชญากร การบุกรุกระบบของ Adobe เมื่อไม่นานมานี้ได้ขโมยข้อมูลของผู้ใช้ราว 150 ล้านบัญชี ทำให้เกิดโดมิโน เอฟเฟกต์ ผู้ให้บริการรายอื่น ๆ เตือนผู้ใช้ให้อัพเดทบัญชี เพื่อป้องกันการบุกรุกในกรณีที่ใช้ข้อมูลล็อกอินและรหัสผ่านเหมือนกัน

ปี 2556 ได้เกิดการละเมิดข้อมูลขึ้นหลายครั้ง Evernote ขอให้ผู้ใช้ 50 ล้านราย อัพเดทบัญชีของตน หลังจากค้นพบว่าแฮกเกอร์อาจได้เข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ LivingSocial ถูกละเมิดข้อมูลของผู้ใช้ 50 ล้านคน ส่วน Yahoo! ญี่ปุ่นถูกละเมิดข้อมูลของผู้ใช้ 22 ล้านราย

เหตุการณ์สำคัญ ๆ เหล่านี้จะยังคงดำเนินต่อไปในปี 2557 เครื่องแม่ข่ายเว็บที่เหมือนกับ Adobe จะยังคงตกเป็นเป้าหมายต่อไป ไม่มีองค์การใดที่จะปลอดภัยจากการละเมิดข้อมูล ใครบางคนจะพยายามบุกรุกเครือข่ายโดยใช้เครื่องมือและการโจมตีช่องโหว่ใหม่ ๆ

5. การโจมตีช่องโหว่ในซอฟท์แวร์ที่ผู้จำหน่ายยกเลิกการสนับสนุนแล้ว แต่ยังมีการใช้กันอย่างกว้างขวาง เช่น Java 6 และ Windows XP จะเพิ่มมากขึ้น

อาชญากรพยายามค้นหาช่องโหว่ในการรักษาความปลอดภัย เพื่อเริ่มการโจมตี การสิ้นสุดการสนับสนุน Java 6 เมื่อต้นปี 2556 พิสูจน์ได้ว่าเป็นโอกาสทอง

โปรแกรมโจมตีช่องโหว่ (exploit) ใน Java ได้ถูกผนวกเข้ากับ Neutrino Exploit Kit ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าใช้สำหรับแพร่เชื้อมัลแวร์เข้าไปในคอมพิวเตอร์เพื่อเรียกค่าไถ่ (ransomware) สิ่งที่ทำให้การโจมตีนี้สร้างปัญหาใหญ่คือ จำนวนผู้ใช้ Java ราวร้อยละ 50 ยังคงใช้ Java 6

อาชญากรใช้เทคนิค reverse-engineer กับ patch ที่ผู้จำหน่ายปล่อยออกมา เพื่อตรวจสอบว่าช่องโหว่ไหนที่แก้ไขไปแล้ว และใช้ความรู้นี้เพื่อมุ่งเป้าการโจมตีที่ระบบเก่า โดยเฉพาะซอฟท์แวร์ที่ยกเลิกการสนับสนุนแล้ว สิ่งนี้อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการโจมตี Java 6

คนร้ายยังโจมตีช่องโหว่ในซอฟท์แวร์เฉพาะด้านอีกด้วย  ช่องโหว่ต่าง ๆ ใน Adobe ColdFusion ที่ใช้ในการพัฒนาเว็บแอพพลิเคชั่น ได้ถูกโจมตีเพื่อเข้าถึงฐานข้อมูล เฉพาะปี 2556 ได้มีการละเมิดข้อมูลที่มุ่งเป้าที่หน่วยงานทางทหาร รัฐบาล และการวิจัยทางอวกาศ มีรายงานว่าการละเมิดเหล่านี้ เป็นผลมาจากการเข้าถึงซอร์สโค้ดของ ColdFusion อย่างผิดกฏหมาย

จากการที่ไมโครซอฟท์จะหยุดให้การสนับสนุนสำหรับ Windows XP ในปี 2557 เราจะได้เห็นเหตุการณ์แบบเดียวกันกับ Java 6คอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการนี้มีความเสี่ยงในการติดมัลแวร์ มากกว่าวินโดวส์เวอร์ชั่นอื่น ๆ 6 เท่า ตัวเลขอาจสูงขึ้นอีกหลังจากการสนับสนุนหยุดลงแล้ว

ข้อมูลบอกไว้ว่าราวร้อยละ 20 ของผู้ใช้พีซียังใช้ Windows XP ตัวเลขอาจจะไม่มากเท่ากับผู้่ใช้ Windows 7 แต่ยังคงแสดงให้เห็นถึงตัวเลขของผู้ที่อาจตกเป็นเหยื่อ ช่วยไม่ได้ที่ Windows XP ยังคงมีฐานผู้ใช้งานกว่า 300 ล้านเครื่องในบริษัทต่าง ๆ อีกด้วย

ระบบฝังตัวต่าง ๆ (embedded sytem) รวมถึงเทอร์มินัลของ point-of-sale (PoS) อุปกรณ์ในสถานพยาบาล และโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ อาจเป็นต้นเหตุของภัยคุกคามเครือข่าย เนื่องจากมักจะใช้วินโดวส์รุ่นเก่าที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ขาย ถึงแม้ว่าระบบเหล่านี้มีความเฉพาะเจาะจงสูงมาก อาชญากรอาจใช้ประโยชน์จากการขาดการสนับสนุนและใช้เพื่อจุดเริ่มต้นการบุกรุก

คาดว่าการโจมตี ColdFusion จะดำเนินต่อไปในปี 2557 เช่นกัน เพราะการโจมตีที่ผ่านมาไม่นาน พบว่าเป็นเหยื่อที่มีค่าสูง อาชญากรจะยังคงโจมตีที่คล้ายคลึงกัน โดยหวังว่าจะได้พบกับเป้าหมายที่เป็นเป้าสายตาของสาธารณะชน

6. Deep Web จะท้าทายฝ่ายบังคับใช้กฏหมาย

Deep Web เข้ามาอยู่ในความสนใจหลังจากเอฟบีไอได้จับกุม Silk Road ซึ่งเป็นตลาดใต้ดิน แต่ถือกันว่าเป็นชัยชนะเพียงเล็กน้อย เนื่องจากมีการพบเห็นเว็บไซต์เวอร์ชั่นใหม่ขึ้นมาอีก เพียงหนึ่งเดือนหลังจากการปิดตัว ตลาดอื่น ๆ ก็จะทำตามในไม่ช้า โดยอ้างว่า มีความปลอดภัยที่ดีกว่าสำหรับผู้ซื้อและผู้ขาย

การแก้ไขอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ตทำได้ยาก เนื่องจากโดยธรรมชาติแล้ว แตกต่างจากอาชญากรรมทั่วไป หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอาจไม่มีระเบียบการ หรือบุคลากรที่ถูกต้อง เพื่อจัดการกับอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต ความยุ่งยากยังเกิดขึ้นเมื่อการสืบสวนเกี่ยวข้องกับรัฐและประเทศที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจมีกฎหมายและระเบียบการที่หลากหลาย

ในปี 2557 อาชญากรจะหลบซ่อนใต้ดินลึกมากยิ่งขึ้น Deep Web ให้การปิดบังชื่อผ่านทาง ‘darknets’ ซึ่งเป็นเครือข่ายชนิดหนึ่ง ที่รับประกันได้ถึงการเข้าถึงที่ไม่เปิดเผย และไม่สามารถตามรอยได้ เครือข่าย darknet ที่นิยมมากที่สุดคือ The Onion Router (TOR) Deep Web ยังช่วยให้อาชญากรสามารถซ่อนเนื้อหาจากการตรวจสอบ โดยสามารถหลบหลีกจาก search engine ได้ ดังนั้นเนื้อหาที่ประกาศลงใน Deep Web จึงไม่สามารถเข้าถึงผ่านทางโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตสาธารณะได้

หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งอาจไม่มีความรู้หรือประสบการณ์เพียงพอในการจัดการกับอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต จะประสบความลำบากในการติดตามอาชญากรรมใน Deep Web พัฒนาการใต้ดินนี้จะทำให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต้องลงทุนในการต่อสู้กับอาชญากรรมอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น เราจะได้เห็นการริเริ่มจากองค์การระหว่างประเทศ ที่นำโดยประเทศที่พัฒนาแล้วมากขึ้น ซึ่งจะตระหนักถึงสถานการณ์มากขึ้น และดำเนินการที่เป็นรูปธรรม พวกเขาจะนำผู้เชี่ยวชาญมาฝึกสอนเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย โชคไม่ดีที่ประเทศโลกที่สามยังคงตามหลังอยู่ 4-5 ปี

7. ความไม่เชื่อใจของสาธารณชนจะมีผลตามมา หลังจากการเปิดโปงกิจกรรมการเฝ้าสังเกตที่รัฐเป็นผู้อุปถัมภ์ ส่งผลให้เกิดช่วงเวลาของความพยายามฟื้นฟูความเป็นส่วนตัว

เอกสารความลับที่เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีดผู้รับจ้างของ NSA ได้รับมา เน้นถึงสภาพที่ซับซ้อนของความเป็นส่วนตัวในยุคดิจิตัล

การใช้สปายแวร์ (spyware) ไม่ได้จำกัดอยู่ที่อาชญากรอีกต่อไป จริง ๆ แล้ว สปายแวร์กลายเป็นเครื่องมือของฝ่ายรัฐบาล เพื่อการจารกรรมทางการเมือง เรายังได้เห็นการขายสปายแวร์เชิงการค้า โดยมักทำการตลาดให้เป็นเครื่องมือในการติดตามคู่สมรสนอกใจ กระแสหลักของการใช้สปายแวร์ และการสอดแนม มีเส้นบาง ๆ กั้นอยู่ระหว่างข้อมูลข่าวสารที่เป็น “ส่วนตัว” และ “สาธารณะ”

ความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว ผลักดันให้ผู้ใช้ระมัดระวังการแสดงตนในอินเทอร์เน็ตมากขึ้น วัยรุ่นหลายคนได้เปลี่ยนจากการใช้เฟซบุ๊คมาใช้แอพส่งข้อความแทน ด้วยจำนวนผู้ใช้เฟซบุ๊คมากกว่าหนึ่งพันสองร้อยล้านคน  วัยรุ่นพบว่ามีความเป็นส่วนตัวในเครือข่ายสังคมนี้น้อยมาก พวกเขาเลยหันไปใช้แอพส่งข้อความ เพื่อการสื่อสารทั้งในทางส่วนตัวและสังคมมากขึ้น แอพส่งข้อความ WeChat มีผู้ใช้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 1,021 อายุระหว่าง 16-19 ปี ส่วนแอพแชร์รูป Snapchat อ้างว่ามี “snaps” หรือรูปภาพส่งออกไป 350 ล้านครั้งต่อวัน สาเหตุที่ทำให้มีจำนวนมากเช่นนี้ อาจเป็นเพราะฟังก์ชั่นในการลบโดยอัตโนมัติของแอพนี้ ใช้เพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้

การเปิดโปงกิจกรรมการเฝ้าสังเกตที่รัฐเป็นผู้อุปถัมภ์ ผลักดันให้หลาย ๆ คนพิจารณาถึงที่เก็บข้อมูลของพวกเขาใหม่ ความไม่เชื่อใจในการใช้โครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐ ฯ จะมีผลตามมา รัฐบาลต่างชาติอาจหยุดใช้งาน ความกังวลเกี่ยวกับการเฝ้าสังเกตในระดับนานาชาติ อาจทำให้บางรัฐพิจารณาทบทวนนโยบายใหม่ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการใช้งานอินเทอร์เน็ต ทั้ง ๆ ที่มีการคัดค้านของสาธารณชนอย่างรุนแรง เราจะได้เห็นการเฝ้าสังเกตในระดับรัฐเกิดมากขึ้น

ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว ผู้ให้บริการคลาวด์จะยืนยันให้เห็นถึงการควบคุมด้านความปลอดภัย และการป้องกันความเป็นส่วนตัวของข้อมูล เราจะได้เห็นพวกเขาทำงานร่วมกับบริษัทด้านความปลอดภัย เพื่อให้มั่นใจได้ถึงการป้องกันข้อมูลและความเป็นส่วนตัว จะทำให้เกิดแนวโน้ม bring-your-own-controls (BYOC) ซึ่งช่วยให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าข้อมูลแบ่งเป็นส่วน ได้รับการป้องกัน และไม่สามารถอ่านได้จากผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต

ผู้ใช้จะเข้าใจว่าในการรักษาความเป็นส่วนตัว พวกเขาจำเป็นต้องควบคุมว่า ใครสามารถเห็นข้อมูลข่าวสารของพวกเขาได้ พวกเขาจะปกป้องความเป็นส่วนตัวในไซต์สำคัญ ๆ อย่าง Google และ Facebook อย่างจริงจัง ใช้ความพยายามในการเรียนรู้มากขึ้นถึงเครื่องมือที่ช่วยในการป้องกันข้อมูล และควบคุมสิ่งที่แบ่งปันในโลกออนไลน์ อาจพิจารณาถึงการสำรวจการใช้งานเครื่องมือการเข้ารหัสอย่างเช่น TOR เพื่อให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลข่าวสารของพวกเขายังคงเป็นส่วนตัว

เราจะเห็นบริษัทต่าง ๆ ได้กำไรจากการขายข้อมูลเพื่อจุดประสงค์ในการโฆษณา บริษัทด้านการทำเหมืองข้อมูลขนาดใหญ่ (big data mining) จะเจริญเติบโตต่อไป

สำหรับอาชญากร ธรุกิจยังคงเป็นเช่นเดิม พวกเขาจะทำเงินจากข้อมูลที่ขโมยมา และประสบความสำเร็จในตลาดใต้ดิน

8. เรายังคงไม่เห็นภัยคุกคามของ Internet of Everything ที่แพร่หลายและกินขอบเขตกว้าง สิ่งนี้ต้องอาศัย “killer app” ซึ่งอาจปรากฏในส่วนของ AR ในรูปแบบของเทคโนโลยีอย่าง จอภาพสวมศีรษะ

จากการที่มีอุปกรณ์ต่าง ๆ เชื่อมต่อกันมากขึ้น การรักษาความปลอดภัยอุปกรณ์เหล่านี้ จะหมายถึงการป้องกันจุดในการเข้าถึงทั้งหมด รวมทั้งอินเทอร์เน็ตด้วย

การพัฒนาของระบบ SCADA

SCADA (Supervisory Control and Data Acquisition การควบคุมกำกับดูแลและเก็บข้อมูล) เป็นประเภทหนึ่งของระบบการควบคุมอุตสาหกรรม (Industrial Control System หรือ ICS) ที่มีการควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ที่เฝ้าดูและควบคุมกระบวนการทางอุตสาหกรรมที่มีอยู่ในโลกทางกายภาพ เป็นกระบวนการขนาดใหญ่ ที่สามารถรวมหลายไซต์งานและระยะทางกว้างใหญ่ กระบวนการเหล่านี้รวมถึงอุตสาหกรรม, โครงสร้างพื้นฐาน, และกระบวนการที่มีพื้นฐานมาจากการให้บริการ

ผลการวิจัยที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าระบบ SCADA ยังคงขาดการรักษาความปลอดภัย ในขณะนี้ได้มีความพยายามในการแก้ไขปัญหานี้ มีการจัดตั้งโครงการให้เงินรางวัลกับผู้ค้นพบช่องโหว่ (bug bounty program) และคณะทำงานเฉพาะจากผู้จำหน่าย เพื่อให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยของระบบ SCADA ถึงแม้มีข้อจำกัดด้านความปลอดภัย แต่ยังคงมีการใช้งานระบบ SCADA ต่อไป

การโจมตีในระบบ SCADA ยังคงดำเนินต่อไป การโจมตีเหล่านี้ พร้อมด้วยการอภิปรายและการวิจัย จะแสดงให้เห็นช่องโหว่ของเครือข่าย SCADAเครือข่ายนี้มักจะอาศัยการป้องกันโดยการแยกออกทางกายภาพ ทำให้ตกเป็นเป้าหมายของผู้โจมตีได้อย่างง่ายดาย

เป้าหมายใหม่ที่ง่ายต่อการโจมตี

เทคโนโลยี Radio-frequency-enabled จะกลายเป็นเป้าหมายใหม่ที่ง่ายต่อการโจมตี มักใช้ในเทคโนโลยีในกาติดตาม เช่น AIS (Automatic Identification System) ความถี่วิทยุจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นในการโจมตี เพราะ AIS ใช้ในการจราจรทางเรือ ระบบที่มีช่องโหว่อาจถูกคนร้ายโจมตีได้

เกมเมอร์เป็นเหยื่อกลุ่มใหม่

แรงจูงใจในการมุ่งโจมตีผู้เล่นเกมส์ไม่ได้มีเพียงแต่เรื่องจำนวนเท่านั้น จำนวนผู้เล่นเกมส์คอนโซลจะไปถึง 165 ล้านคนภายในปี 2560 แต่ยังหมายถึงฮาร์ดแวร์ที่พวกเขาใช้ เกมเมอร์ใช้คอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถในการประมวลผลสูงเพื่อใช้ในการเล่นเกมส์ที่เข้มข้น โชคไม่ดีที่พลังในการประมวลผลนี้ สามารถใช้เพื่อทำ Bitcoin mining (ขั้นตอนในการใช้พลังในการประมวลผลเพื่อใช้ในกิจกรรมของ Bitcoin) ได้เช่นเดียวกัน เราเคยเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นมาก่อน โดยเฉพาะเมื่อมีการรับเอา cryptocurrency (สกุลเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่อาศัยการเข้ารหัสลับ) มาใช้เพิ่มขึ้น เรื่องนี้จะไม่เป็นสิ่งสุดท้ายที่เกิดขึ้น

การรอคอย “killer app”

เราจะได้เห็นนวัตกรรมทางเทคนิคที่ไม่สำคัญจำนวนมาก แต่ยังไม่มีการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ในอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต อาชญากรยังคงรอ “killer app” การค้นพบที่ยิ่งใหญ่ทางเทคโนโลยี ที่จะดึงความสนใจของคนจำนวนมาก ขณะที่อุปกรณ์อัจฉริยะขนาดเล็กได้ออกวางขาย แต่ยังไม่มีสิ่งใดที่ทำให้ประชาชนสนใจได้มากเท่ากับการสร้างสรรค์ที่ยิ่งใหญ่ครั้งก่อนอย่าง iPod ได้

ไปไกลกว่าปี 2557

“สิ่งท้าทายต่อไป” ที่อาชญากรกำลังรอ อาจมาจากโลกของ augmented reality (AR) เฮดเซ็ต (headsets) ความเป็นจริงเสมือน (virtual reality) จะกลายเป็นเทคโนโลยีแปลกใหม่ ไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนพื้นที่ในการเล่นเกมส์ แต่จะใช้ในจุดประสงค์อื่น ๆ เช่น การเข้าร่วมการเรียกประชุม หรือการประกาศในเครือข่ายสังคม

อุปกรณ์อัจฉริยะเหล่านี้จะเป็นที่ต้องการมากขึ้น เฮดเซ็ตแบบ AR จะตกเป็นเป้าหมายใหม่ในการขโมยข้อมูลส่วนตัว กล้องที่อยู่ภายในจะถูกใช้เพื่อการโจมตี ทำให้อาชญากรเห็นความเคลื่อนไหวประจำวันของผู้ใช้ และเป็นเครื่องมือในการบันทึกข้อมูลต่าง ๆ เช่น PIN และข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ

จะมีการใช้อากาศยานที่ควบคุมจากระยะไกล (drone) เพื่อการตรวจตราและกสิกรรม พวกมันจะกลายเป็นสิ่งธรรมดาที่พบได้ทั่วไป และทำให้เป็นมาตรฐานในแวดวงการค้า โชคไม่ดีที่อาชญากรจะใช้ประโยชน์จากพวกมันเช่นเดียวกัน

ไกลกว่าปี 2557 เทคโนโลยีด้าน radio-frequency-enabled จะตกเป็นเป้าหมายอย่างแท้จริง เราจะได้เห็นการโจมตีสถานีส่งสัญญาณ AIS ภายในปี 2563 ซึ่งจะมีผลที่รุนแรงมากต่อธุรกิจการขนส่งสินค้าทางเรือเป็นต้น

9. การโจมตีแบบ DDoS จะทำแบบหลบซ่อนมากขึ้น

ผู้โจมตี DDoS จะเปลี่ยนจากการโจมตีที่ใช้การโจมตีที่มีปริมาณมาก ๆ ไปเป็นการโจมตีคอขวด ที่มีผลกระทบกับการดำเนินงาน อย่างเช่นหน้าเว็บที่ทำให้เครื่องแม่ข่ายทำงานหนัก หรือคอขวดทางเครือข่ายโดยเฉพาะ (อย่างเช่นการจัดการ login และ session) ซึ่งสามารถขยายผลกระทบจากการโจมตีได้มากกว่าการโจมตีที่อาศัยปริมาณ ดังนั้นอาจเริ่มเห็นการแพร่กระจายของเครื่องมือที่เก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับไซต์ที่ต้องการโจมตี ทำให้การโจมตี DDoS มีผลกระทบมากขึ้น แต่ปริมาณการใช้เครือข่ายน้อยลงกว่าที่เคยพบมาก่อน

10. มัลแวร์อย่าง “Stuxnets” จะพบได้บ่อยมากขึ้น

มัลแวร์ที่ได้รับการสนับสนุนระดับรัฐอย่าง “Stuxnet” เชื่อกันว่ามีต้นตอมาจากสหรัฐ ฯ อิสราเอล หรือทั้งคู่ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีความซับซ้อน และมีประสิทธิผลเกินว่าที่แฮกเกอร์เพียงสองคนจะทำได้ คาดว่าจะมีมัลแวร์ชนิดนี้จากจีน รัสเซีย อิหร่าน อินเดีย บราซิล และปากีสถาน อาจจะมีออกมาแล้วก็ได้ แต่ยังไม่สามารถตรวจจับได้ ปี 2557 เป็นปีที่จะเห็นความแพร่หลายของมันได้ชัดเจน

xxxxxxxxxxxxxxxxxxx

เรียบเรียงโดย   นนทวรรธนะ  สาระมาน และ เกียรติศักดิ์  สมวงศ์

Nontawattana  Saraman   and  Kiattisak  Somwong

SRAN Dev Team
10/01/2557

ข้อมูลอ้างอิง

http://www.trendmicro.com/cloud-content/us/pdfs/security-intelligence/reports/rpt-trend-micro-security-predictions-for-2014-and-beyond.pdf

http://www.esecurityplanet.com/network-security/7-security-trends-to-expect-in-2014.html

http://searchsecurity.techtarget.com/definition/spear-phishing

http://www.webopedia.com/TERM/T/targeted_attack.html

http://en.wikipedia.org/wiki/Watering_Hole

http://en.wikipedia.org/wiki/Clickjacking

http://en.wikipedia.org/wiki/Deep_Web

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%B2

http://Bitcoin.org/en/faq#what-is-bitcoin-mining

http://en.termwiki.com/TH:cryptocurrency

http://appreview.in.th/disruptive-technology-and-business/

Anonymous Router : Untracked เราเตอร์ล่องหน

การตั้งค่า

  1. ทำการ Restore OpenWrt firmware ไปยัง เครื่อง router ซึ่งดูรุ่นตามตารางนี้ Table of Hardware
  2. ทำการ SSH ไปยัง OpenWrt router and install package dependency โดยมีขั้นตอนดังนี้
    opkg update
    opkg install libevent2-openssl libevent2 libminiupnpc libnatpmp tor-alpha tor-alpha-fw-helper tor-alpha-geoip
    
  3. ทำการ Configure network configuration file, ไปที่ /etc/config/network
    config interface 'Untracked'
        option proto 'static'
        option ipaddr '172.16.1.1'
        option netmask '255.255.255.0'
    
  4. ทำการ Configure firewall zone configuration file, append ไปที่ /etc/config/firewall
    config zone
        option name 'Untracked'
        option network 'Untracked'
        option input 'REJECT'
        option output 'ACCEPT'
        option forward 'REJECT'
        option conntrack '1'
    
    config rule
        option name 'Allow-Tor-DHCP'
        option src 'Untracked'
        option proto 'udp'
        option dest_port '67'
        option target 'ACCEPT'
        option family 'ipv4'
    
    config rule
        option name 'Allow-Tor-DNS'
        option src 'Untracked'
        option proto 'udp'
        option dest_port '9053'
        option target 'ACCEPT'
        option family 'ipv4'
    
    config rule
        option name 'Allow-Tor-Transparent'
        option src 'Untracked'
        option proto 'tcp'
        option dest_port '9040'
        option target 'ACCEPT'
        option family 'ipv4'
    
    config rule
        option name 'Allow-Tor-SOCKS'
        option src 'Untracked'
        option proto 'tcp'
        option dest_port '9050'
        option target 'ACCEPT'
        option family 'ipv4'
    
  5. ทำการ Configure tor (Untracked) dhcp network, ไปยัง /etc/config/dhcp
    config dhcp Untracked
        option interface    Untracked
        option start        100
        option limit        150
        option leasetime    1h
    
  6. ทำการ Configure torrc file
    RunAsDaemon 1
    DataDirectory /var/lib/tor
    User Untracked
    VirtualAddrNetwork 10.192.0.0/10
    TransPort 9040
    TransListenAddress 172.16.1.1
    DNSPort 9053
    DNSListenAddress 172.16.1.1
    TrackHostExits .
    TrackHostExitsExpire 1800
    StrictExitNodes 1
    ExitNodes {de},{ru},{us},{fr},{gb},{at},{in},{br},{it},{ua}
    
  7. ทำการ Configure tor startup, ไปยัง /etc/rc.local
    sleep 10; 
    /etc/init.d/tor start
    
  8. ทำการ Configure wireless configuration use tor network, ปรับเปลี่ยนค่า /etc/config/wireless
    config wifi-iface
        option device 'radio1'
        option mode 'ap'
        option encryption 'psk-mixed'
        option key 'xxxxxxxx'
        option ssid 'UNT'
        option network 'Untracked'
    
  9. ทำการ Configure ปรับเปลี่ยน firewall rule (iptables),  ปรับเปลี่ยนค่า /etc/firewall.user
    enable_transparent_tor() {
      iptables -t nat -A PREROUTING -i wlan1 -p udp --dport 53 -j REDIRECT --to-ports 9053
      iptables -t nat -A PREROUTING -i wlan1 -p tcp --syn -j REDIRECT --to-ports 9040 
    }
    enable_transparent_tor

SRAN Dev Team

ในวันที่ CAT บางรักไฟดับ

ช่วงเที่ยงของวันที่ 30 พฤศจิกายน 2556 ม็อบที่ต่อต้านรัฐบาลได้เข้าไปยังอาคารบริษัท กสท โทรคมนาคม หรือ CAT Telecom ทำให้เกิดไฟฟ้าดับที่อาคารทั้งหมด ซึ่งกลุ่มม๊อบพยายามเรียกการกระทำเช่นนี้ว่า เป็นการทำอารยะขัดขืน แต่ผลลัพธ์ที่เกิดนั้นส่งผลให้การสื่อสารที่เชื่อมต่อทางอินเทอร์เน็ตได้มีผลกระทบโดยตรง โดยเฉพาะเราเตอร์หลักที่ใช้ทำงานเป็นเกตเวย์ประเทศ ซึ่งในต่างประเทศเรียกเหตุการณ์นี้ว่า “Internet Outage” โดยที่เหตุการณ์ในครั้งนี้ที่เกิดขึ้นกินเวลาเกือบ 4 ชั่วโมง ที่ไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ และส่งผลกระทบอะไรบ้างนั้น
ผมลองมานั่งเขียนดูเผื่อว่าท่านผู้อ่านจะได้นึกภาพตามไปด้วยกันได้ถูกต้อง และช่วยประเมินในความเสียหายได้บ้าง

ภาพแสดงข้อมูลสถานะการเชื่อมติดต่อข้อมูลของทางทรูอินเทอร์เน็ต

เรียบเรียงผลกระทบ ดังนี้
1. ผลกระทบการเชื่อมข้อมูล ผ่าน AS4651
AS4651 เป็น Gateway ที่สำคัญของประเทศตัวหนึ่งที่มีการเชื่อมโยงกับโครงข่ายทั้งในและต่างประเทศเป็นจำนวนมาก โดยข้อมูลในวันที่เกิดขึ้น พบว่า AS4651 มีจำนวน IPv4 ที่ให้บริการจำนวน 15,104 ค่า ข้อมูลทั่วไปจากลงทะเบียน ชื่อที่อยู่และผู้ติดต่อของ AS4651

person:         IP-network CAT Telecom
nic-hdl:        IC174-AP
e-mail:         ip-noc@cat.net.th
address:        Data Comm. Dept.(Internet)
address:        address:      CAT Telecom Public Company Ltd,
address:        address:      72 Charoenkrung Road Bangrak Bangkok THAILAND 10501
phone:          +66-2-6142374
fax-no:         +66-2-6142270
country:        TH
changed:        suchok@cat.net.th 20051202
mnt-by:         MAINT-TH-THIX-CAT
source:         APNIC

person:         THIX network staff CAT Telecom
nic-hdl:        TC476-AP
e-mail:         admin-thix@cat.net.th
address:        Data Comm. Dept.(Internet)
address:        address:      CAT Telecom Public Company Ltd,
address:        address:      72 Charoenkrung Road Bangrak Bangkok THAILAND 10501
phone:          +66-2-6142374
fax-no:         +66-2-6142270
country:        TH
changed:        suchok@cat.net.th 20051202
mnt-by:         MAINT-TH-THIX-CAT
source:         APNIC
ข้อมูลเชิงสถิติที่เกี่ยวกับการเชื่อมต่อข้อมูลไปยัง ASN ทั้งในและต่างประเทศ

ประวัติของสถานะการเชื่อมต่อข้อมูล

กราฟแสดงสถานะการติดต่อสื่อสารของ AS4651 ดูย้อนหลัง 90 วัน และค่า Upstreams สำหรับ AS4651
จากกราฟจะพบว่าในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2556 นั้นมีการหยุดการใช้งานไปช่วงเวลาหนึ่งกราฟจะดิ่งตกตัดค่าเป็น 0 ขาดการติดต่อกับ ASN อื่นๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
AS4651 ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2556 นั้นมีการเชื่อมโยงการติดต่อข้อมูลทั้งหมด 112 การเชื่อมโยงผ่าน Protocol BGP Peering
ตัวอย่างบางส่วนของเครือข่ายที่เชื่อมติดต่อกับ AS4651
เมื่อทำการพิจารณาทั้งหมดจาก 112 เครือข่ายพบว่ามีโครงข่ายในประเทศไทยที่กระทบถึง 28 โครงข่ายประกอบด้วย (วัดค่าจากตอนเหตุการณ์ปิดการสื่อสารในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2556) ดังนี้
1. True : AS7470
2. CAT 1 : AS9931
3. BB-BroadBand (UIH) : AS38794
4. 3BB : AS45758
 5. INET : AS4618
6. World Net : AS4765
7. Jasmine : AS7616
8. CSloxinfo : AS4750
9. DTAC : AS9587
10. KIRZ : AS24187
11. Milcom : AS3888
12. ServeNET : AS45413
13. Proimage Engineering : AS23884
14. Symphony Communication AS132876
15. Loxley Wireless : AS45142
16. Smart Corp : AS4741
17. Nettree : AS45456
18. NIPA : AS45328
19. CAT 2 : AS131090
20. My Telecom Group : AS24491
21. TT&T : AS55465
22. Fiber To the Home : AS9413
23. PTT ICT : AS55403
24. SiamData : AS56309
25. A-Net : AS4776
26. 101 Global : AS45606
27. NTTCTNET : AS38566
28. Uni-Net : AS4621
** ที่สำคัญอันเกิดผลกระทบต่อผู้บริโภค คือ True : AS7470 , 3BB , DTAC , CAT (Data Center) และ Uni-Net โครงข่ายฝั่งมหาวิทยาลัยต่างๆในประเทศไทย

2. ผลกระทบต่อ AS9931
AS9931 เป็น Router ตัวสำคัญตัวหนึ่งของบริษัท กสท โทรคมนาคม หรือ “CAT Telecom” เนื่องจาก Router ตัวนี้จะมีการเชื่อมต่อให้กับหน่วยงานต่างทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งความสำคัญไม่น้อยไปกว่า AS4651 และอาจจะส่งผลกระทบต่อการใช้ของหน่วยงานทั้ง ภาครัฐบาลและภาคเอกชน จะสร้างความเสียหายมากกว่า AS4651 ด้วยหากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันทำงาน ข้อมูลเบื้องต้นสำหรับ AS9931

ข้อมูลเบื้องต้น AS9931

person:         Serthsiri Khantawisoote
address:        Data Communication Department, CAT
address:        Bangkok 10501
country:        TH
phone:          +66-2-237-4300
fax-no:         +66-2-506-3186
e-mail:         kserth@cat.net.th
nic-hdl:        SK79-AP
mnt-by:         MAINT-TH-THIX-CAT
changed:        hostmaster@apnic.net 20000320
source:         APNIC

person:         Tanussit Klaimongkol
address:        Data Comm. Dept.(Internet)
address:        CAT Bangkok 10501
address:        Thailand
country:        TH
phone:          +66-2-2374300
fax-no:         +66-2-5063186
e-mail:         ktanus@cat.net.th
nic-hdl:        TK38-AP
mnt-by:         MAINT-TH-THIX-CAT
changed:        ktanus@cat.net.th 20000215
source:         APNIC

ข้อมูลเชิงสถิติของ AS9931 จำนวนค่า IPv4 ที่ให้บริการมีจำนวน 198,912 ค่า

AS9931 มีการเชื่อมต่อกับโครงข่ายทั้งในและต่างประเทศรวมทั้งหมด 41 เครือข่าย ซึ่งโดยมากเป็นเครือข่ายในประเทศไทยและเป็นภาคเอกชน และหน่วยงานของรัฐเป็นต้น

ดังตัวอย่างเครือข่ายที่มีการเชื่อมต่อ AS9931 ดังนี้

รายการเครือข่ายที่มีการเชื่อมติดต่อกับ AS9931

จะเห็นได้ว่า AS9931 จะกระทบต่อหน่วยงานต่างๆภายในประเทศไทยจำนวนมาก ได้แก่ สถาบันการเงิน เช่น
– ภาคธนาคารประกอบด้วย ธนาคารไทยพาณิชย์ , ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นต้น
– มหาวิทยาลัย ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ , มหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นต้น
– สายการบิน ประกอบด้วย การบินไทย , Bangkok Airway เป็นต้น
– กระทรวง ประกอบด้วย กระทรวงการคลัง , กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นต้น
– รัฐวิสาหกิจ เช่น การประปา และ การไฟฟ้าภูมิภาค

อีกทั้งส่งผลกระทบไปยังผู้ให้บริการต่างประเทศที่มีการเชื่อมสัญญาณมาที่ AS9931 เช่นประเทศลาว และกัมพูชา ก็ได้รับผลกระทบต่อการขาดการติดต่อสื่อสารเนื่องจากไฟฟ้าในอาคาร กสท บางรักถูกตัดไฟอีกด้วย หากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในวันธรรมดา คือ วันจันทร์ – ศุกร์ ผลกระทบและความเสียหายที่เกิดขึ้นจะมีมูลค่าความเสียหายมากกว่าที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นในวันเสาร์ที่ผ่านมาเป็นอันมาก

Pony botnet : บ็อทเน็ตขโมยรหัสผ่าน

แฮกเกอร์ได้ขโมยชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านเกือบสองล้านบัญชีของ Facebook, Google, Twitter, Yahoo และอื่น ๆ ตามรายงานที่เผยแพร่เมื่อไม่นานนี้กลุ่มนักวิจัยสามารถเข้าถึงแผงควบคุมของผู้ดูแลระบบ (control panel) สำหรับเซิร์ฟเวอร์ที่เป็นส่วนหนึ่งของบ็อตเน็ตที่เรียกว่า “Pony” ที่เก็บรวบรวมข้อมูลที่สำคัญจากผู้ใช้มากถึง 102 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทยของเราด้วย จึงจำเป็นต้องนำเสนอบทความนี้เพื่อเตือนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตให้มีความระมัดระวังและเป็นข้อมูลไว้ศึกษาต่อไป

ภาพประกอบที่ 1 แสดงจำนวนเหยื่อของ botnet Ponyจากประเทศต่าง ๆ  จะเห็นได้ว่าประเทศไทยอยู่ในอันดับ 2 ของ Pony botnet ที่ได้รหัสผ่านไป

บอทเน็ตนี้แอบดักจับข้อมูลล็อกอินของเว็บไซต์ที่สำคัญ ๆ ในช่วงเดือนที่ผ่านมา และส่งชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านเหล่านั้นไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ควบคุมโดยแฮกเกอร์และติดตามเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ พวกเขาค้นพบบัญชีผู้ใช้เว็บไซต์ต่าง ๆ รวมถึง

• Facebook ประมาณ 318,000 บัญชี
• Gmail, Google+ และ Youtube ประมาณ70,000 บัญชี
• Yahoo ประมาณ60,000 บัญชี
• Twitter ประมาณ22,000 บัญชี
• Odnoklassniki (เครือข่ายสังคมของรัสเซีย) ประมาณ9,000 บัญชี
• ADP (บริษัทชั้นนำ 500 อันดับในสหรัฐอเมริกา โดยนิตยสารฟอร์จูน 500) ประมาณ8,000 บัญชี
• LinkedIn ประมาณ8,000 บัญชี

ภาพประกอบที่ 2 แสดงจำนวนของบัญชีผู้ใช้ของเว็บไซต์ที่ถูกขโมยในจำนวนประมาณสองล้านบัญชีที่ถูกขโมย เมื่อแบ่งตามประเภทของบริการแล้ว ประกอบด้วย
• ประมาณ 1,580,000 เป็นบัญชีผู้ใช้เว็บไซต์
• ประมาณ 320,000 เป็นบัญชีผู้ใช้อีเมล
• ประมาณ 41,000 เป็นบัญชีผู้ใช้ FTP
• ประมาณ 3,000 เป็นบัญชีผู้ใช้ Remote Desktop
• ประมาณ 3,000 เป็นบัญชีผู้ใช้ Secure Shell
มีไวรัสแพร่บนเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลจำนวนมากได้อย่างไร แฮกเกอร์อาจใช้ซอฟต์แวร์บันทึกการกดคีย์บอร์ดของผู้ใช้ที่ตกเป็นเหยื่อ (keylogger) แล้วส่งข้อมูลผ่าน proxy server ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะติดตามหาเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดเชื้อ
ปฏิบัติการนี้แอบเก็บข้อมูลรหัสผ่านตั้งแต่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา และอาจจะทำงานอย่างต่อเนื่อง แม้ว่า จะค้นพบ proxy server ที่ตั้งอยู่ในเนเธอร์แลนด์ มิลเลอร์จาก Trustwaveกล่าวว่า มีเซิร์ฟเวอร์อื่นที่คล้ายคลึงกันหลายแห่ง ที่พวกเขายังไม่ได้ค้นพบยังเปิดเผยเกี่ยวกับการใช้รหัสผ่านของผู้ใช้ที่ตกเป็นเหยื่อว่า เกือบ 16,000 บัญชีใช้รหัสผ่าน “123456” อีก 2,212 บัญชีใช้รหัสผ่าน “password” และ 1,991 บัญชีใช้รหัสผ่าน “admin” มีเพียงร้อยละ 5 ของรหัสผ่านเกือบสองล้านรหัสที่ถือว่าดีเยี่ยม ใช้อักขระทั้งสี่รูปแบบและยาวมากกว่า 8 ตัวอักษร อีกร้อยละ 17 อยู่ในขั้นดี ร้อยละ 44 อยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 28 อยู่ในขั้นเลว และ ร้อยละ 6 อยู่ในขั้นแย่มาก

ภาพประกอบที่ 3 รหัสผ่านที่ใช้มากที่สุด สิบอันดับ
ภาพประกอบที่ 4 ความแข็งแกร่งของรหัสผ่านที่พบ
จะพบว่าบริษัทเหล่านี้ทราบถึงการถูกละเมิดข้อมูล หลังจากนั้น พวกเขาประกาศการค้นพบของพวกเขาต่อสาธารณชนADP, Facebook, LinkedIn, Twitter และ Yahoo บอกนักข่าวว่า พวกเขาได้รับการแจ้งเตือน และการรีเซ็ตรหัสผ่านของผู้ใช้ที่ถูกบุกรุกแล้ว ส่วน Google ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น
หากคุณอยากรู้ว่าคอมพิวเตอร์ของคุณติดเชื้อหรือไม่ การค้นหาโปรแกรมและไฟล์จะไม่เพียงพอ เพราะไวรัสทำงานซ่อนตัวอยู่เบื้องหลัง ทางออกที่ดีที่สุดของคุณคือ การปรับปรุงซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสของคุณ และดาวน์โหลดแพทช์ล่าสุดสำหรับเว็บเบราว์เซอร์ รวมถึงAdobe  และ Java โปรแกรมในเครื่องของคุณให้ทันสมัย
29/11/56

SRAN Dev Team

อุปกรณ์ป้องกันข้อมูลและการสอดแนมทางอินเทอร์เน็ต UN-Tracked

จุดกำเนิดของการทำ UN-Tracked ขึ้นก็ตอนที่นายเอ็ดเวิร์ด โจเซฟ สโนว์เดน อดีตนักวิเคราะห์ข่าวกรอง ชาวอเมริกัน ซึ่งได้ปล่อยข่าวรายละเอียดของการสอดแนมข้อมูลจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (NSA) ของสหรัฐ ให้กับหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนของอังกฤษ ว่าทาง NSA ได้มีการดักฟังรายการทางอินเทอร์เน็ตของผู้นำรวมถึงประชาชนทั่วโลกจากเนื้อหาข้อมูลที่ได้รับจากบริษัทใหญ่ชั้นนำของโลกไม่ว่าเป็น Google , Microsoft , Facebook , Yahoo , Youtube เป็นต้น

อีกทั้งการรุดหน้าของเทคโนโลยีสื่อสารและการเชื่อมต่อโครงข่ายอินเทอร์เน็ตอาจมีการดักรับข้อมูล (Sniffing) ทั้งในองค์กร ผ่านระบบ LAN และ Wireless LAN หรือ Wi-Fi และนอกองค์กรจากฝั่งผู้ให้บริการ อินเทอร์เน็ต (ISP) โดยอาจใช้เครื่องมือ (Tools) ที่สามารถอ่านวิเคราะห์เนื้อหาของข้อมูล (Payload) จากการรับ-ส่งข้อมูลผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตได้  ดังนั้นจึงได้มีการออกแบบฮาร์ดแวร์ที่สะดวกในการใช้งาน

คุณสมบัติ

1. เป็นอุปกรณ์ที่เข้ารหัสเส้นทางในการติดต่อสื่อสาร (Encryption Routing)
2. ป้องกันการดักฟังผ่านโครงข่ายภายในและอินเทอร์เน็ต (Anti Sniffer)
3. ป้องกันการตรวจตาม่ร่องรอยค่าไอพีแอดเดรสจาก Log file ของระบบ (Don’t Tracking)
ด้วยคุณสมบัติทั้ง 3 รวมเรียก “UN Tracked” Defend Privacy Data and against Internet Surveillance

สิ่งที่ได้รับจากการใช้ “UN Tracked”
1. เมื่อใช้อุปกรณ์ UN-Tracked คุณจะปลอดภัยจากการดักข้อมูลไม่ว่าเป็นการดักข้อมูลจากเครือข่ายภายในองค์กร  เครือข่ายสาธารณะแบบไร้สาย  รวมถึงเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ได้รับการให้ค่าไอพีแอดเดรส (Public IP) จากผู้ให้บริการ (ISP : Internet Services Provider)
2. มีความมั่นใจในการใช้ทุก Application บนสมาร์ทโฟนว่าจะมีการดักอ่านข้อมูลกลางทาง (MITM : Man In The Middle attack) ไม่ว่าเป็นการใช้งาน Browser IE , Chrome , Firefox , โปรแกรม Chat LINE , Whatapps MSN และการติดต่อสื่อสารผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ ได้แก่  Facebook , Twitter , Instargram , youtube  เป็นต้น
3. Log file ที่ปรากฏในเว็บเซิร์ฟเวอร์ หรือเซิร์ฟเวอร์บริการอื่นๆ ที่เราเข้าไปใช้บริการจะไม่สามารถตรวจหาค่าไอพีแอดเดรสที่แท้จริงของเราได้
4. ป้องกันภัยจากโปรแกรมสคิปเพื่อติดตามตัวตนจากเราจากการเปิดบราวเซอร์ ประเภทพวก Java Script , ajax (เช่นพวก Web Analytic , Web Stats เป็นต้น หรือเป็นการป้องกันประเภท malicious exploit จากฝั่ง Server ที่ต้องการติดตามร่องรอยค่าไอพีแอดเดรสจากเรา โดยที่เราไม่จำเป็นต้องลงโปรแกรมเสริมใดๆ ก็สามารถป้องกันสิ่งเหล่านี้ได้จากการใช้ UN-Tracked

จัดเป็นฮาร์ดแวร์ที่พร้อมใช้งานและสะดวกในการติดตั้งขนาดกะทัดลัดและสามารถรองรับการใช้งานได้หลายๆเครื่อง Client พร้อมกัน

ภาพที่ 1 UN-Tracked Hardware ขนาดเท่าของจริง
ภาพที่ 2 การติดตั้ง UN Tracked บนเครื่อข่าย
การติดตั้ง UN Tracked สามารถติดตั้งได้ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน การติดตั้งเหมือนกันคือฮาร์ดแวร์ UN-Tracked จะมีการ์ดแลน 10/100/1000 จำนวน 4 Port   ประกอบด้วย
Port ที่ 1 ETH0  ติดตั้งไปกับ Router  หรือ Switch  เพื่อรับค่า DHCP จาก Gateway ได้ส่วน Port 3 , 4 คือ ETH2, ETH3  สามารถติดตั้งรับ VLAN หากเป็นระบบเครือข่ายขนาดกลางและใหญ่  
ส่วน ETH1 ใช้สำหรับ UN-Tracked Interface  เพื่อใช้อำพรางตัวตนเพื่อป้องกันการดักฟังทุกกรณีและมีการเข้ารหัสบนเส้นทางการติดต่อสื่อสาร
  
ภาพที่ 3 คุณสมบัติฮาร์ดแวร์ของ UN-Tracked ด้วยรุ่นที่ทำขึ้นสามารถรองรับการใช้งานพร้อมกัน
ได้ถึง 50 เครื่อง
อีกหนึ่งการพัฒนาจาก SRAN Team สนใจเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่ออีเมลที่ info at gbtech.co.th

ตามล่ามัลแวร์

บทความนี้ไม่มีเจตนาทำให้หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเสื่อมเสียแต่อย่างใด แต่ต้องการเขียนเพื่อเป็นกรณีศึกษาจากเหตุการณ์จริง กับการติดเชื้อมัลแวร์ที่เป็นโครงข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ (Cyber Crime) ที่ทำให้หน่วยงานภาครัฐ เอกชน รวมถึงสถาบันการศึกษาของประเทศไทยต้องตกเป็นเหยื่อกับเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมคอมพิวเตอร์นี้

จึงตั้งใจเพื่อเขียนขึ้นเพื่อเป็นการสร้างความตระหนักถึงผู้ดูแลระบบถึงปัญหาเครื่องแม่ข่ายที่มีช่องโหว่และมีการเข้าถึงระบบโดยแฮกเกอร์สามารถนำมัลแวร์มาแพร่เชื้อได้ ดังนั้นหากเป็นเว็บไซต์ที่สามารถเข้าถึงได้ทั่วไปอาจทำให้ผู้ใช้งานทั่วไปติดเชื้อตามกันได้

อีกทั้งเป็นแนวสืบสวนหาร่องรอยเส้นทางของมัลแวร์ถึงผลกระทบในการติดเชื้อรวมถึงช่องโหว่ที่ทำให้มัลแวร์เข้ามาติดในเครื่องคอมพิวเตอร์
อ่านเพื่อความบันเทิงและได้ความรู้

++++++++++++++++++++++++++
มัลแวร์ คืออะไร
++++++++++++++++++++++++++
คือ โปรแกรมไม่พึ่งประสงค์ที่ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ผู้ใช้งาน (รวมถึงอุปกรณ์มือถือสมัยใหม่ ได้แก่ สมาร์ทโฟน) ต้องสูญเสียความต่อเนื่องในการใช้งาน (Availability) , ความถูกต้องของข้อมูลและการสื่อสาร (Integrity) และสูญเสียความลับของข้อมูล (Confidentiality)

+++++++++++++++++++++++++++++++
เริ่มต้น จากการพบข้อมูล
+++++++++++++++++++++++++++++++

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เริ่มการวิเคราะห์
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
http://school.obec.go.th/trimitvararam/picture/
และ
http://school.obec.go.th/pikul/2-%A2%E9%CD%C1%D9%C5%BA%D8%A4%A4%C5/23-%BA%D8%A4%C5%D2%A1%C3.html

(อันตรายหากเครื่องคอมพิวเตอร์คุณไม่มีระบบป้องกันที่อัพเดทเพียงพอไม่ควรเข้าลิงค์ดังกล่าว)

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ประวัติการติดเชื้อ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ดูค่าการจดทะเบียนโดแมน

เมื่อทำการค้นหาประวัติการติดเชื้อพบว่า
พบ
ประวัติที่เคยติดเป็นเว็บหลอกลวง Phishing เริ่มตั้งแต่ปี 2009 จนถึง 2012 ส่วนใหญ่เกิดขึ้นบนเว็บบอร์ด
ประวัติการติดเชื้อมัลแวร์

Malicious and Suspicious URLs

URL First Detected
http://school.obec.go.th//banmuangsuang/important.html 2009-11-13 11:56:58
http://school.obec.go.th/amnuaykan3/ 2010-03-15 22:18:29
http://school.obec.go.th/anbs_saraburi/ 2009-05-03 16:45:54
http://school.obec.go.th/anubanbanmoh/ 2012-06-07 18:59:43
http://school.obec.go.th/artprathane 2013-05-01 03:05:05
http://school.obec.go.th/banbangchang/mawnarak/pa2.htm 2013-05-21 13:10:05
http://school.obec.go.th/bandonlao 2013-05-07 01:55:14
http://school.obec.go.th/bandonlao/ 2009-09-26 06:24:49
http://school.obec.go.th/bankaengnabon/important.html 2009-11-12 07:47:24
http://school.obec.go.th/bankhoadaeng 2013-05-07 18:45:04
http://school.obec.go.th/banklongkhong/House.htm 2013-07-17 21:20:08
http://school.obec.go.th/bankokenonglom 2013-06-27 00:10:07
http://school.obec.go.th/bankokenonglom/ 2013-05-22 21:15:05
http://school.obec.go.th/banmuangsuang/important.html 2009-11-12 10:02:02
http://school.obec.go.th/banpakae/important.html 2009-11-11 07:04:28
http://school.obec.go.th/banrubprak/important.html 2009-11-11 06:33:18
http://school.obec.go.th/bansanschool/da.html 2012-06-08 08:01:07
http://school.obec.go.th/bnkham/DATA_SCHOOL/admin.html 2013-05-27 15:30:11
http://school.obec.go.th/bnws 2013-04-20 00:15:46
http://school.obec.go.th/bokluea/ 2013-01-29 04:45:06
http://school.obec.go.th/bokluea/?name=boss 2013-03-18 23:35:08
http://school.obec.go.th/bsms/parvud.html 2013-02-16 00:00:53
http://school.obec.go.th/hauykrai/ 2013-01-04 21:00:04
http://school.obec.go.th/hinkleung/test9.htm 2013-01-26 00:09:25
http://school.obec.go.th/huakhao 2013-07-03 00:34:30
http://school.obec.go.th/huayaungkk2/ 2009-09-29 06:00:49

ดูค่า MD5 ของไฟล์ที่ติดเชื้อเพื่อนำมาวิเคราะห์ (Malware Analysis)



URL MD5 IP Threat
2013-07-23 19:12:53 http://school.obec.go.th/nongpangtru_kan1/index3.htm… C0C5A98D3A155E58018D0648792C8873 210.1.20.7 TH JS/TrojanDownloader.Iframe.NHP trojan
2013-07-23 05:03:53 http://school.obec.go.th/donthongwittaya… 939709D74D64CCB2FCCFE0691588364B 210.1.20.7 TH Trojan-Downloader.JS.Agent.feo
2013-07-23 04:56:28 http://school.obec.go.th/ns/pn22554.htm… 888AFD2FE9F83A5D385A8A435ECCEDB5 210.1.20.7 TH JS/Kryptik.BC trojan
2013-07-22 23:38:21 http://school.obec.go.th/borihan/… FB0BD87A9D893E5CD9230D95DACC6D6F 210.1.20.7 TH JS/TrojanDownloader.Shadraem.A trojan
2013-07-21 17:01:02 http://school.obec.go.th/khaokling/data_bankhaokling/Food_Project_50.html… 0A96F0D2843FFB46697031EDBAF70B89 210.1.20.7 TH HTML/TrojanDownloader.IFrame trojan
2013-07-21 14:57:21 http://school.obec.go.th/payakwit/scoutsimina52.html… F7C30FD9F865B4557BE1A31FDEA40527 210.1.20.7 TH JS/Kryptik.CK trojan
2013-07-21 06:23:52 http://school.obec.go.th/bukitjerae… 5DBD43A93EB86D5B6A0840FFC355317E 210.1.20.7 TH JS/IFrame.BH.gen
2013-07-20 21:41:59 http://school.obec.go.th/suksapiset/tourchiengmai1.htm… E5EEAC34BB2F6E97774580045FEC0910 210.1.20.7 TH JS/TrojanDownloader.HackLoad.AG trojan
2013-07-20 20:28:23 http://school.obec.go.th/chauatschool… 0F6FB069A9E258C069C49FB93B4DA468 210.1.20.7 TH JS/TrojanDownloader.Agent.NTW trojan
2013-07-20 11:22:54 http://school.obec.go.th/scispk/newsacti01.htm… 52E080A5EBCC3F65769D84E3C7ED52EB 210.1.20.7 TH HTML/IFrame.L
ประวัติการติดเชื้อมัลแวร์เมื่อทำการเรียกดูชื่อไฟล์ที่ติดเชื้อ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
วิเคราะห์การเชื่อมโยงระบบเครือข่ายเพื่อทำให้เกิดการติดเชื้อมัลแวร์
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เมื่อมีทำการเรียกค่าโดแมนดังกล่าวจะมีการติดต่อสื่อสารไปยังโดแมนที่สร้างขึ้นเพื่อการโจรกรรมข้อมูล

ภาพช่องสี่เหลี่ยมสี่เหลืองคือโดแมนที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นมัลแวร์ ซึ่งเป็นโครงข่ายของอาชญากรรมทางโลกไซเบอร์ (Cyber Crime) ประกอบด้วย
gxjamuwp .cz.cc
shkoztdm .cz.cc
qjpbdbmd .cz.cc
ziejpzrv .cz.cc
lfmzwijq .cz.cc
และตัวอันตรายที่จะวิเคราะห์อย่างละเอียดอีกทีคือ marbit  dot com 

เมื่อทำการเรียกค่าเพื่อดูการตอบสนองข้อมูลฝั่งเว็บไซต์ให้บริการ

มีการตอบค่ากลับและมีการเปลี่ยนเส้นทางข้อมูลดังนี้

เมื่อทำการตรวจสอบการเรียกค่าเว็บไซต์จะพบการเชื่อมโยงติดต่อไปยังโดแมนที่ถูกสร้างขึ้นเป็นมัลแวร์เพื่อทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่อ่อนแอติดเชื้อได้

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตัวอย่างการเรียกค่าที่ติดเชื้อ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ช่องโหว่ที่พบทำให้มีการติดเชื้อ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
1. มาจาก Office Snapshot Viewer
– คำนิยามการเข้าถึงระบบ The Microsoft Office Snapshot Viewer ActiveX control allows remote attackers to download arbitrary files to a client machine 
– ช่องโหว่ CVE-2008-2463
2. MsVidCtl OverflowOverflow 
– คำนิยามการเข้าถึงระบบ in Microsoft Video ActiveX Control via specially-crafted data parameter
– ช่องโหว่ CVE-2008-0015
3. Adobe getIconStack-based buffer overflow 
– คำนิยาม in Adobe Reader and Acrobat via the getIcon method of a Collab object
– ช่องโหว่ CVE-2009-0927
4. Adobe util.printf overflowStack-based buffer overflow 
– คำนิยาม in Adobe Acrobat and Reader via crafted format string argument in util.printf
– ช่องโหว่ CVE-2008-2992
5. Adobe Collab overflow
– คำนิยาม Multiple Adobe Reader and Acrobat buffer overflows
– ช่องโหว่ CVE-2007-5659
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
รายชื่อไฟล์ที่พบประวัติการติดเชื้อ 
ชื่อ “donthongwittaya”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ซึ่งมีการตรวจสอบจากโปรแกรมแอนตี้ไวรัสได้ผลลัพธ์ดังนี้ https://www.virustotal.com/th/file/939709D74D64CCB2FCCFE0691588364B/analysis/
การแสดงอัตลักษณ์ไฟล์มัลแวร์ที่พบ
ตัวอย่างการแสดงผลของโปรแกรมแอนตี้ไวรัสกับไฟล์ donthingwittaya

ข้อมูลเพิ่มเติมที่
http://checkip.me/whomap.php?domain=school.obec.go.th
http://www.sran.net/statistic?q=school.obec.go.th
http://urlquery.net/report.php?id=3963804
https://www.virustotal.com/th/file/939709D74D64CCB2FCCFE0691588364B/analysis/
http://wepawet.iseclab.org/view.php?hash=41a7ee22c704e708cdb57362372c1699&t=1374610813&type=js
http://anubis.iseclab.org/?action=result&task_id=162d0bbf11f5d90d47de47d9e87f8eff7&format=html

23/07/56
Nontawattana  Saraman
SRAN Dev Team

“รู้เขา รู้เรา” ใครโจมตีเรา และเราโจมตีใคร

เราเคยเสนอระบบเพื่อให้รู้ทันภัยคุกคามจากการโจมตีบนโลกไซเบอร์ให้กับรัฐบาลไทย เพื่อให้ภาพรวมการโจมตีที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เพื่อการป้องกันภัยอย่างยั้งยืน แต่ด้วยว่าเป็นเรื่องที่อธิบายลำบากเนื่องด้วยเป็นภาษาทางเทคนิคจึงทำให้โครงการยังไม่เกิดเป็นชิ้นเป็นอัน  ด้วยความฝันส่วนตัวของกลุ่มเราจึงอยากทำระบบดังกล่าวให้เป็นความจริงโดยไม่ต้องสนใจว่าใครจะให้ทำ เงินลงทุนมาจากไหน ? หรือระบบนี้จะเป็นว่าต้องการหรือไม่ก็ตาม เราได้ดำเนินการด้วยเงินทุนตัวเองสร้างระบบขึ้นมาจนเราได้เก็บเกี่ยวข้อมูลได้ระดับหนึ่งเป็นข้อมูลที่น่าสนใจ  และเป็นพื้นฐานที่ดีในการจะ “รู้เขา รู้เรา” หากนำไปใช้จริงจะช่วยลดปริมาณข้อมูลจราจร (Data Traffic) ที่เป็นภัยคุกคามไม่ว่าเป็นภัยทางอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ที่แฝงมากับการสร้างบอทเน็ต การหลอกลวง การแฮก การขโมยข้อมูลเป็นต้น จะทำให้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยมีความมั่นคงปลอดภัยขึ้นโดยเฉพาะประชาชนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วไปในประเทศไทย ที่อาจมีความรู้ทางด้านเทคนิคการป้องกันตัวและเป็นผู้ใช้งานทั่วไปที่ไม่มีความรู้ทางเทคนิคในการป้องกันตัวจะได้รับประโยชน์กับการใช้งานอย่างปลอดภัยขึ้น

ในอดีตจนถึงปัจจุบันเรายังไม่เคยมีการจัดทำข้อมูลเชิงสถิติเพื่อให้ทราบถึงภัยคุกคามที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เหตุผลหนึ่งที่เกิดการจัดทำระบบ SRAN [in] block นี้ขึ้นก็มาจากคำพูดที่กล่าวว่า “รู้เขา รู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” มาใช้ในการประเมินสถานการณ์ด้านภัยคุกคามบนโลกไซเบอร์สำหรับประเทศไทยเรา พบว่าเรายังไม่มีข้อมูลเพียงพอสำหรับการประเมินได้เลย เราแทบไม่รู้ว่า เราไปโจมตีใครบ้างในโลกไซเบอร์ และ มีใครโจมตีเราบ้างในโลกไซเบอร์ ซึ่งวิธีการทำให้รู้เขารู้เรานั้นจำเป็นต้องมีการจัดทำระบบและข้อมูลในเชิงรุกขึ้น 

เมื่อเปรียบเทียบการโจมตีที่เกิดขึ้นบนโลกไซเบอร์นั้นอาจแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ได้แก่

(1)  Client Compromise คือ เครื่องลูกข่ายที่ถูกควบคุมจากแฮกเกอร์ไม่ว่าเป็นการถูกทำให้ติดเชื้อหรือการถูกทำการใดการหนึ่งที่มีผู้ควบคุมจากทางไกล ซึ่งเครื่องลูกข่ายที่กล่าวถึงนั้น ได้แก่ คอมพิวเตอร์ที่ใช้ตามบ้าน, คอมพิวเตอร์ที่ใช้ในสำนักงาน หรือเครื่องทำงานของพนักงาน , โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น ซึ่ง Client Compromise หากจัดทำข้อมูลขึ้นและระบุประเทศไทยได้ก็จะทำให้ทราบถึงการรู้ว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ในประเทศเราไปโจมตีที่ใดอยู่บ้าง ตัวอย่างเครื่อง Client ที่ถูก Compromise จากการจัดทำข้อมูลจากทีมงาน SRAN ผ่านเทคโนโลยี Honey pot สามารถดูได้ที่ http://www.sran.org/attack จะทำให้เห็นภาพรวมเครื่องลูกข่ายที่ติดเชื้อและพยายามโจมตีเครื่องคอมพิวเตอร์ไปยังที่ต่างๆทั่วโลก ซึ่งบางเครื่องมาจากคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค (Notebook) ตามบ้านที่ใช้บริการอินเทอร์เน็ต แม้กระทั่งเครื่องมือถือที่ใช้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านโครงข่ายมือถือ 2G และ 3G เป็นต้น 

ภาพที่ 1 ข้อมูลใน www.sran.net/attack แสดงข้อมูลเครื่องคอมพิวเตอร์ในประเทศไทยที่พยายามโจมตีบนโลกไซเบอร์ ซึ่งการโจมตีที่พบนั้นอาจจะโจมตีทั้งในและต่างประเทศ โดยที่เครื่องเหล่านี้ไม่รู้ตัวว่ากลายเป็นนักโจมตีระบบไปเสียแล้ว และเมื่อเราระบุแหล่งที่มาของค่าไอพีแอดเดรสลงบนแผนที่สารสนเทศ (GeoIP) แล้วจะพบว่าคอมพิวเตอร์เกือบทุกจังหวัดในประเทศไทยเป็นนักโจมตีระบบทั้งสิ้น
ภาพที่ 2 การแสดงข้อมูลเฉพาะประเทศไทยในวันที่ 20 กรกฏาคม 2556 เวลา 19:20 พบว่าส่วนใหญ่เครื่องคอมพิวเตอร์ในประเทศไทยที่โจมตีระบบที่อื่ๆ ทั่วโลกจะโจมตีบริการ SSH มากที่สุด 
ภาพที่ 3 ตัวอย่างการแสดงผลเครื่องคอมพิวเตอร์ในประเทศไทยที่กลายเป็นนักโจมตีระบบทั้งที่ตนเองอาจไม่รู้ตัว ซึ่งหากตรวจสอบดูแล้วส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้งานตามบ้าน / ผู้ใช้งานมือถือ มีทั้งการติดเชื้อเป็นบอทเน็ต และเป็นนักโจมตีรหัสผ่าน (Brute force password) รวมทั้งการส่งข้อมูลขยะ (Spam)
***** สรุปในข้อ 1 คือเครื่องคอมพิวเตอร์ในประเทศไทย ไปโจมตี ชาวบ้าน (ทั้งในประเทศและต่างประเทศ) ตกเป็นเหยื่อ โดยส่วนใหญ่ไม่รู้ตัว

(2) Server Compromise คือ เครื่องแม่ข่ายที่ถูกควบคุมจากแฮกเกอร์ ไม่ว่าเป็นการถูกทำให้ติดเชื้อหรือการถูกทำการใดการหนึ่งที่มีผู้ควบคุมจากทางไกลได้ ซึ่งเครื่องแม่ข่ายที่กล่าวถึงนั้นมักจะเป็นเครื่องที่ออนไลน์ตลอดเวลา 24×7 ได้แก่ เว็บเซิร์ฟเวอร์ , เมล์เซิร์ฟเวอร์ , ดาต้าเบสเซิร์ฟเวอร์ และเครื่องแม่ข่ายอื่นๆ ที่ค่าไอพีแอดเดรส หรือ โดเมนแนม สาธารณะที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านทางอินเทอร์เน็ต ส่วนนี้เป็นการรู้เขา ใครโจมตีเราที่ไหนบ้าง หน่วยงานไหนบ้าง ตัวอย่างเครื่อง Server ที่ถูก Compromise เฉพาะในประเทศไทย ที่ทีมงาน SRAN ได้เก็บรวบรวมข้อมูลมาพบว่า

ภาพที่ 4 สถิติภาพรวมการตรวจจับการถูกที่อื่นโจมตีที่เกิดขึ้นกับเครื่องแม่ข่าย (Server) ในประเทศไทย ซึ่งภาพนี้เป็นการแสดงข้อมูลเครื่องแม่ข่ายในประเทศไทยที่ถูกโจมตี ทั้งถูกแฮกเว็บไซต์ (Web Attack) , การยึดเครื่องเพื่อสร้างเป็นเครื่องหลอกลวงข้อมูล (Phishing) และ เครื่องแม่ข่ายที่ติดเชื้อมัลแวร์ (Malware)   รวมถึงสถิติช่องโหว่ และเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เปิดบริการ Proxy เพื่อการอำพรางไอพีแอดเดรส เป็นต้น ข้อมูลที่แสดงจากวันที่ 19 กรกฏาคม 2556  ด้านล่างเป็นจำนวนสถิติผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยเรียงตามตัวเลขการถูกโจมตี ซึ่งจะพบว่า ASN หมายเลข 9931 ของ CAT Telecom ถูกโจมตีมากที่สุดถึง 5,284 ครั้ง เฉพาะการถูกแฮกหรือเปลี่ยนหน้าเว็บเพจ (Web Attack)

ภาพที่ 5 การค้นพบเครื่องแม่ข่ายในประเทศไทย ที่ถูกแฮก และเปลี่ยนหน้าเว็บเพจ
ภาพที่ 6 การค้นพบเครื่องแม่ข่ายในประเทศไทย ที่ถูกสร้างเป็นเว็บไซต์หลอกลวง (Phishing) 
ภาพที่ 7 การค้นพบเครื่องแม่ข่ายในประเทศไทย ที่ติดเชื้อมัลแวร์ (Malware) ซึ่งมีโอกาสแพร่เชื้อให้กับผู้ใช้งานที่เปิดหน้าเพจนั้นๆ

ซึ่งทั้งหมด สามารถดูรายประเภทได้ที่ http://www.sran.net/statistic?q=ซึ่งจากข้อมูลพบว่าประเทศไทยของเรานั้นประสบปัญหาการที่เครื่องแม่ข่ายถูกควบคุมจากแฮกเกอร์ ไม่ว่าเป็นการถูกทำให้ติดเชื้อหรือถูกทำการใดการหนึ่งที่ทำให้สามารถควบคุมระยะไกลได้เป็นจำนวนมาก จากสถิติในเว็บไซต์ www.sran.net/reports เมื่อพิจารณาย้อนหลังไป 3 ปี คือปี พ.ศ. 2554 – มิถุนายน 2556 (ค.ศ. 2011 – 2013) พบว่ามีเครื่องคอมพิวเตอร์ในประเทศไทยที่ทั้งติดเชื้อมัลแวร์ (Malware) , การถูกโจมตีเว็บไซต์จากแฮกเกอร์ (Web Attack) และการตกเป็นเครื่องในการเผยแพร่ข้อมูลหลอกลวง (Phishing) ซึ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องแม่ข่าย (Server)

ภาพที่ 8 สถิติการถูกโจมตีตั้งแต่ปี ค.ศ 2011 – 2013 (ปัจจุบัน) ตามประเภทเครื่องแม่ข่ายที่ถูกโจมตีทั้งการถูกแฮก การตกเป็นเครื่องหลอกลวง และการติดเชื้อ
ภาพที่ 9 เมื่อมีการแบ่งประเภทตามหน่วยงานที่มีเครื่องแม่ข่ายที่ตกเป็นฐานในการโจมตีก็พบว่าหน่วยงาน ปี 2011 ภาครัฐบาลถูกโจมตีมากที่สุด ปี 2012 ภาครัฐบาลถูกโจมตีมากที่สุด
ปี 2013 ประเภทเอกชน (Commercial) ถูกโจมตีมากที่สุด รองลงมาคือภาคการศึกษา (Academic) เป็นต้น
จากข้อมูลย้อนหลัง 2 ปีกับอีก 6 เดือนพบว่าแนวโน้มการที่เครื่องแม่ข่าย (Server) ในประเทศไทยจะติดเชื้อมัลแวร์และการตกเป็นเครื่องมือในการเผยแพร่ข้อมูลหลอกลวง (Phishing) มีอัตราเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลทำให้มีการแพร่กระจายไวรัสและข้อมูลหลอกลวงไปสู่ประชาชนมีค่อนข้างสูง เพราะจากสถิติในปีล่าสุดพบว่ามีเครื่องแม่ข่าย (Server) ที่ติดเชื้อไปแล้ว 10,652 ครั้ง ซึ่งปริมาณมากกว่าสิ้นปี 2555 และ 2554 เสียอีก ดังนั้นจึงเป็นที่มาของภารกิจในการ ”ลดความเสี่ยง” และประหยัดงบประมาณ สำหรับเครื่องแม่ข่ายที่ยังขาดระบบรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางข้อมูลไม่ให้ตกเป็นเป้าในการโจมตีของแฮกเกอร์และการติดเชื้อมัลแวร์จากการใช้งานอินเทอร์เน็ต นั้นทีมงาน SRAN พัฒนาได้คิดค้นเทคนิควิธีที่ช่วยในการลดความเสี่ยงต่อภัยอันตรายต่างๆ ด้วยการนำข้อมูลจราจรที่ผ่านการใช้งานเว็บเซิร์ฟเวอร์ผ่านมาช่องดีเอ็นเอสผ่านคลาวด์คอมพิวติ้ง ที่ทางทีมงาน SRAN ได้จัดทำขึ้น และช่วยป้องกันภัยคุกคามผ่านการเฝ้าระวังภัยและการป้องกันภัยแบบรวมศูนย์ ซึ่งจะทำให้เรารู้ทันภัยคุกคามที่เกิดขึ้นกับตนเองและป้องกันภัยได้แบบ Real Time เพื่อลดความเสี่ยงอันจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อไป

การป้องกันเว็บไซต์ผ่านระบบ SRAN IN Block

SRAN iBlock เป็นบริการหนึ่งของบริษัทโกลบอลเทคโนโลยี อินทรีเกรดเทค (www.gbtech.co.th) จัดทำขึ้นมาเพื่อวัถตุประสงค์ป้องกันเว็บไซต์ในประเทศไทยให้ปลอดภัยจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ อีกทั้งเสริมประสิทธิภาพให้เว็บไซต์ที่ใช้บริการมีการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ด้วยนิยามที่ว่า “Fast and Secure” โดยการให้บริการผ่านระบบคลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) โดยผู้ใช้งานไม่ต้องลงทุนด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ และใช้งานได้ทุกระบบปฏิบัติการ ไม่ต้องเปลี่ยนค่าโค้ดของเว็บไซต์ เพียงแค่ปรับเปลี่ยนค่าดีเอ็นเอส (DNS) ในเครื่องเว็บเซิร์ฟเวอร์ ใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที เว็บไซต์ของหน่วยงานท่านก็จะมีความมั่นคงปลอดภัยทางข้อมูลมากขึ้น หลีกเลี่ยงภัยคุกคามที่เข้าถึงเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดงบประมาณในการลงทุนป้องกันภัย
ด้วยเทคโนโลยีเครือข่ายอัจฉริยะที่ทางทีมงาน SRAN ได้พัฒนาขึ้นจะทำให้เว็บไซต์ที่ใช้บริการ iBlock สามารถหยุดยั้งภัยคุกคามที่เกิดขึ้นจากการโจมตีผ่านช่องทางเว็บแอฟลิเคชั่น (Web Application hacking) ไม่ว่าเป็นการโจมตีที่พยายามเข้าถึงระบบฐานข้อมูล , การโจมตี DDoS/DoS และอื่นๆ รวมมากกว่า 1,000 รูปแบบการโจมตี รวมถึงมีการให้บริการเสริมเพื่อทำการปิดกั้นการเข้าถึงข้อมูลด้วยชุดไอพีแอดเดรสแบบอำพรางตนเอง (Tor Network)  ซึ่งทำให้เว็บไซต์ของหน่วยงานมีความปลอดภัยจากนักโจมตีระบบมากขึ้น 
ภาพแสดงขั้นตอนการทำงานของ IN Block Services

ขั้นตอนที่ 1 ก่อนใช้บริการ SRAN IN Block เว็บไซต์ทั่วไปได้ถูกออกแบบมาให้มีการติดต่อสื่อสารแบบ Client – Server กล่าวคือมีการติดต่อผ่านอินเทอร์เน็ตแล้วเข้าเยี่ยมชมเนื้อหาบนเว็บไซต์ได้โดยตรง  เมื่อมีการจดทะเบียนชื่อโดเมนแนม และค่าไอพีแอดเดรสที่ได้จากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP : Internet Services Provider) ซึ่งเป็นการติดต่อสื่อสารเว็บไซต์ทั่วไปโดยผู้ใช้งานจะสามารถเรียกข้อมูลได้โดยตรงโดยที่ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าผู้ใช้งานดังกล่าวติดเชื้อหรือมีลักษณะถึงการโจมตีเว็บไซต์ เจาะระบบข้อมูล ซึ่งจะเห็นได้ว่าวิธีนี้ไม่ได้ช่วยในการป้องกันภัยที่อาจเกิดขึ้น ต่อมาได้มีการคิดค้นวิธีการป้องกันโดยนำเอาอุปกรณ์ป้องกันหรือเรียกว่า Web Application Firewall ที่เป็นฮาร์ดแวร์ Appliance มาติดตั้งอยู่หน้าเว็บไซต์ซึ่งกรณีนี้จะทำให้ผู้ใช้งานต้องลงทุนในการติดตั้งและซื้ออุปกรณ์มาป้องกันภัยด้วยงบประมาณสูง เป็นเหตุผลให้เกิดบริการ SRAN IN Block ขึ้นมาเพื่อให้เว็บไซต์มีความปลอดภัยและเข้าถึงข้อมูลรวดเร็ว อีกทั้งประหยัดงบประมาณไม่ต้องลงทุนซื้อฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์

ขั้นตอนที่ 2 เมื่อใช้บริการ SRAN IN Block ผู้ให้บริการเว็บไซต์ต้องทำการเปลี่ยนค่า DNS ในเครื่องเว็บเซิร์ฟเวอร์ เพื่อชี้ค่าไปที่ SRAN IN Block Center ซึ่งจัดทำบนระบบคลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) เมื่อมีการอัพเดทค่า DNS ใหม่ ผู้ใช้งานทั่วไปเมื่อเปิดหน้าเว็บเพจที่ใช้บริการ SRAN IN Block ก็จะเข้าถึงข้อมูลได้อย่างปกติ แต่เพิ่มการป้องกันภัยและมีความรวดเร็วขึ้น “Fast and Secure”

ขั้นตอนที่ 3 ด้วยคุณสมบัติในการป้องกันการโจมตีระบบ (Web Application Firewall) , การอำพรางค่าไอพีแอดเดรสเพื่อวัตถุประสงค์โจมตีเว็บไซต์ ก็จะไม่สามารถทำได้โดยสะดวก ด้วยเทคโนโลยี SRAN IN Block จะทำให้ลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นต่อเว็บไซต์หน่วยงานของท่านได้ และมีการจัดเก็บค่า Log File เพื่อให้สอดคล้องกับกับกฎหมายในประเทศไทยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์อีกด้วย

ตามล่ามัลแวร์ iframe injection เว็บไซต์ในไทย

ตรวจมัลแวร์ Redkit exploit kit iframe injection
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
พบเหตุการณ์
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ที่ http://www.cru.ac.th/cru_web/
ตรวจสอบจากเครือข่ายแม่ข่าย
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

Nmap scan report for 110.77.220.122
Host is up (0.31s latency).
Not shown: 992 filtered ports
PORT    STATE  SERVICE  VERSION
20/tcp  closed ftp-data
21/tcp  open   ftp      vsftpd (before 2.0.8) or WU-FTPD
|_banner: 220 Welcome to CRU FTP services.
22/tcp  open   ssh      OpenSSH 4.3 (protocol 2.0)
|_banner: SSH-2.0-OpenSSH_4.3
25/tcp  closed smtp
80/tcp  open   http     Apache httpd 2.2.3 ((CentOS))
| http-headers: 
|   Date: Tue, 23 Jul 2013 06:40:32 GMT
|   Server: Apache/2.2.3 (CentOS)
|   Last-Modified: Wed, 10 Jul 2013 07:45:56 GMT
|   ETag: "1426800c-1556e-4e12377bfb500"
|   Accept-Ranges: bytes
|   Content-Length: 87406
|   Connection: close
|   Content-Type: text/html
|   
|_  (Request type: GET)
| http-title: xE0xB9x82xE0xB8xA3xE0xB8x87xE0xB9x80xE0xB8xA3xE0xB8xB5xE0xB8xA2xE0xB8x99xE0xB8x8AxE0xB8xA5xE0xB8xA3xE0xB8xB2xE0xB8xA9xE0xB8x8FxE0xB8xA3xE0xB8xADxE0xB8xB3xE0xB8xA3xE0xB8xB8xE0xB8x87 xE0...
|_Requested resource was http://110.77.220.122/cru_web/
110/tcp closed pop3
143/tcp closed imap
443/tcp open   ssl/http Apache httpd 2.2.3 ((CentOS))
| http-headers: 
|_  (Request type: GET)
| ssl-cert: Subject: commonName=Chon1/organizationName=Chonradsadornumrung School/stateOrProvinceName=Chonburi/countryName=TH/emailAddress=cru_school@hotmail.com/localityName=Chonburi/organizationalUnitName=Chonchai
| Issuer: commonName=Chon1/organizationName=Chonradsadornumrung School/stateOrProvinceName=Chonburi/countryName=TH/emailAddress=cru_school@hotmail.com/localityName=Chonburi/organizationalUnitName=Chonchai
| Public Key type: rsa
| Public Key bits: 1024
| Not valid before: 2012-05-14T14:37:18+00:00
| Not valid after:  2032-05-09T14:37:18+00:00
| MD5:   394a 5a16 1dfb f58a 3705 69dc 47a5 4908
| SHA-1: 57c1 542d 00cd 6554 b04d 3d54 13ff bec0 d3fd d194
| -----BEGIN CERTIFICATE-----
| MIICvTCCAiYCCQDdu+DGElp74DANBgkqhkiG9w0BAQUFADCBojELMAkGA1UEBhMC
| VEgxETAPBgNVBAgTCENob25idXJpMREwDwYDVQQHEwhDaG9uYnVyaTEjMCEGA1UE
| ChMaQ2hvbnJhZHNhZG9ybnVtcnVuZyBTY2hvb2wxETAPBgNVBAsTCENob25jaGFp
| MQ4wDAYDVQQDEwVDaG9uMTElMCMGCSqGSIb3DQEJARYWY3J1X3NjaG9vbEBob3Rt
| YWlsLmNvbTAeFw0xMjA1MTQxNDM3MThaFw0zMjA1MDkxNDM3MThaMIGiMQswCQYD
| VQQGEwJUSDERMA8GA1UECBMIQ2hvbmJ1cmkxETAPBgNVBAcTCENob25idXJpMSMw
| IQYDVQQKExpDaG9ucmFkc2Fkb3JudW1ydW5nIFNjaG9vbDERMA8GA1UECxMIQ2hv
| bmNoYWkxDjAMBgNVBAMTBUNob24xMSUwIwYJKoZIhvcNAQkBFhZjcnVfc2Nob29s
| QGhvdG1haWwuY29tMIGfMA0GCSqGSIb3DQEBAQUAA4GNADCBiQKBgQDUNiDSmaZ3
| neIoKKaDubNIT3tKHx8y84L7bfs+xC319iNtgHFv/DsnaQS4tjPVrI3jorK8FDzV
| K9n5TNLIEarayHft7HOzToerNcwYshrArb8qpXrRD7SJoHfmMH5z+CE9TqFQEh22
| fDssKN0+/mA2/GMsxX7P1D5VbAm+BdM95QIDAQABMA0GCSqGSIb3DQEBBQUAA4GB
| AG051xp8Q6hvcW+IhJRXAanVKtod7TXG4ZVQ0Elx8AxsnGdk4rD0mvPXE7vWf7bG
| onvP8eBQKv4SvHLDzee9qxRxwcZAGXsI80TagIG0ekI4q03Nk3RiaycWDgP7kR48
| BOhMR+pMi8RQfZTdjBK14GOD/wgpBVlA2ycvg+87ZOwg
|_-----END CERTIFICATE-----
Aggressive OS guesses: Linux 2.6.18 (92%), Linux 2.6.32 (92%), FreeBSD 6.2-RELEASE (91%), Linux 2.6.9 - 2.6.18 (91%), Cisco UC320W PBX (Linux 2.6) (90%), Linux 2.6.9 (90%), Linux 2.6.22.1-32.fc6 (x86, SMP) (89%), Linux 2.6.5 (89%), Linux 2.6.11 (89%), Linux 2.6.28 (89%)
No exact OS matches for host (test conditions non-ideal).
Service Info: Host: CRU

Host script results:
| asn-query: 
| BGP: 110.77.220.0/24 and 110.77.208.0/20 | Country: TH
|   Origin AS: 131090 - CAT-IDC-4BYTENET-AS-AP CAT TELECOM Public Company Ltd,CAT
|_    Peer AS: 4651
| dns-blacklist: 
|   SPAM
|_    l2.apews.org - SPAM
| hostmap-ip2hosts: 
|   hosts: 
|     cru.ac.th
|_    www.cru.ac.th

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
การเชื่อมโยง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
พบสิ่งผิดปกติ
ที่เกิดจาก iframe ซ่อนโดแมนมัลแวร์ในเว็บ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 width="210" height="210" src="source/swf/clock.swf" quality="high"
pluginspage="http://www.adobe.com/shockwave/download/download.cgi?P1_Prod_Version=ShockwaveFlash"
type="application/x-shockwave-flash">



width=“864” height=“354” src=“source/swf/banner.swf” quality=“high”

pluginspage="http://www.adobe.com/shockwave/download/download.cgi?P1_Prod_Version=ShockwaveFlash"
type="application/x-shockwave-flash">

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตรวจการเรียกข้อมูล
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

URL Status Content Type
http://www.cru.ac.th/ 302 text/html
 http://www.cru.ac.th/cru_web/ 200 text/html
 http://www.cru.ac.th/cru_web/js/jquery.js 200 application/x-javascript
 http://mybodybuildingjourney.com/oeef.html?j=3267321 301 text/html
 http://mikeborge.com/oeef.html?j=3267321 200 text/html
 http://mikeborge.com/0o4.jar 200 application/zip
 about:blank 200 text/html
 http://www.cru.ac.th/cru_web/js/easySlider1.7.js 200 application/x-javascript
 http://www.cru.ac.th/cru_web/Scripts/AC_RunActiveContent.js 200 application/x-javascript
 http://www.cru.ac.th/cru_web/source/swf/banner.swf 200 application/x-shockwave-flash
 http://www.cru.ac.th/cru_web/source/swf/clock.swf 200 application/x-shockwave-flash
 http://artisticgenepool.com/oaaf.html?j=3267321 301 text/html
 http://mikeborge.com/oaaf.html?j=3267321 404 empty
 http://mybodybuildingjourney.com/oeef.html?i=3267321 301 text/html
 http://mikeborge.com/oeef.html?i=3267321 404 empty
 http://www.cru.ac.th/cru_web/css/mainMenu.css 200 text/css
 http://www.cru.ac.th/cru_web/css/screen.css 404 text/html
 http://www.cru.ac.th/cru_web/css/topMenu.css 200 text/css
 http://www.cru.ac.th/cru_web/css/personMenu.css 404 text/html

Redirects

From To
http://www.cru.ac.th/ http://www.cru.ac.th/cru_web/
http://mybodybuildingjourney.com/oeef.html?j=3267321 http://mikeborge.com/oeef.html?j=3267321
http://artisticgenepool.com/oaaf.html?j=3267321 http://mikeborge.com/oaaf.html?j=3267321
http://mybodybuildingjourney.com/oeef.html?i=3267321 http://mikeborge.com/oeef.html?i=3267321

ActiveX controls

  • D27CDB6E-AE6D-11CF-96B8-444553540000
    Name Value
    Attributes movie
    source/swf/clock.swf
    jQuery1366577423256
    147.0
    1022.0
    quality
    high
  • =================================
  • ตรวจ HTTP
  • =================================
  • โหลด HTTP Capture แบบ Proxy Request จะเห็นการติดต่อไปที่ เว็บมัลแวร์ mybodybuildingjourney.com


==============================================================
ตรวจ Whois
==============================================================
Domain name: mybodybuildingjourney.com
Registrant Contact:
Pete81
Petri Olsson ()
Fax:
Saarenvainionkatu 15 D 57
Tampere, FIN 33710
FI
Administrative Contact:
Pete81
Petri Olsson (holaluna81@yahoo.com)
+358.405079703
Fax: +1.5555555555
Saarenvainionkatu 15 D 57
Tampere, FIN 33710
FI
Technical Contact:
Pete81
Petri Olsson (holaluna81@yahoo.com)
+358.405079703
Fax: +1.5555555555
Saarenvainionkatu 15 D 57
Tampere, FIN 33710
FI
Status: Locked
Name Servers:
ns3321.hostgator.com
ns3322.hostgator.com
Creation date: 15 Oct 2009 16:41:05
Expiration date: 15 Oct 2013 16:41:05


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

Link 
https://www.virustotal.com/th/url/e23ec6b60262684212b39c1751a04d5fe8c573beb91826b30c50684c257ee39f/analysis/
http://wepawet.iseclab.org/view.php?hash=66100e0d535a4c1119acb647613b4b70&t=1366577405&type=js
http://urlquery.net/report.php?id=2104305
http://checkip.me/whomap.php?domain=mybodybuildingjourney.com

    การป้องกันข้อมูลส่วนตัวกับ UNtracked อินเทอร์เน็ตล่องหน

    อุปกรณ์ป้องกันข้อมูลและการสอดแนมทางอินเทอร์เน็ต UN-Tracked
    จุดกำเนิดของการทำ UN-Tracked ขึ้นก็ตอนที่นายเอ็ดเวิร์ด โจเซฟ สโนว์เดน อดีตนักวิเคราะห์ข่าวกรอง ชาวอเมริกัน ซึ่งได้ปล่อยข่าวรายละเอียดของการสอดแนมข้อมูลจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (NSA) ของสหรัฐ ให้กับหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนของอังกฤษ ว่าทาง NSA ได้มีการดักฟังรายการทางอินเทอร์เน็ตของผู้นำรวมถึงประชาชนทั่วโลกจากเนื้อหาข้อมูลที่ได้รับจากบริษัทใหญ่ชั้นนำของโลกไม่ว่าเป็น Google , Microsoft , Facebook , Yahoo , Youtube เป็นต้น 

    อีกทั้งการรุดหน้าของเทคโนโลยีสื่อสารและการเชื่อมต่อโครงข่ายอินเทอร์เน็ตอาจมีการดักรับข้อมูล (Sniffing) ทั้งในองค์กร ผ่านระบบ LAN และ Wireless LAN หรือ Wi-Fi และนอกองค์กรจากฝั่งผู้ให้บริการ อินเทอร์เน็ต (ISP) โดยอาจใช้เครื่องมือ (Tools) ที่สามารถอ่านวิเคราะห์เนื้อหาของข้อมูล (Payload) จากการรับ-ส่งข้อมูลผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตได้  ดังนั้นจึงได้มีการออกแบบฮาร์ดแวร์ที่สะดวกในการใช้งาน

    คุณสมบัติ

    1. เป็นอุปกรณ์ที่เข้ารหัสเส้นทางในการติดต่อสื่อสาร (Encryption Routing)
    2. ป้องกันการดักฟังผ่านโครงข่ายภายในและอินเทอร์เน็ต (Anti Sniffer)
    3. ป้องกันการตรวจตาม่ร่องรอยค่าไอพีแอดเดรสจาก Log file ของระบบ (Don’t Tracking)
    ด้วยคุณสมบัติทั้ง 3 รวมเรียก “UN Tracked” Defend Privacy Data and against Internet Surveillance

    สิ่งที่ได้รับจากการใช้ “UN Tracked”
    1. เมื่อใช้อุปกรณ์ UN-Tracked คุณจะปลอดภัยจากการดักข้อมูลไม่ว่าเป็นการดักข้อมูลจากเครือข่ายภายในองค์กร  เครือข่ายสาธารณะแบบไร้สาย  รวมถึงเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ได้รับการให้ค่าไอพีแอดเดรส (Public IP) จากผู้ให้บริการ (ISP : Internet Services Provider)
    2. มีความมั่นใจในการใช้ทุก Application บนสมาร์ทโฟนว่าจะมีการดักอ่านข้อมูลกลางทาง (MITM : Man In The Middle attack) ไม่ว่าเป็นการใช้งาน Browser IE , Chrome , Firefox , โปรแกรม Chat LINE , Whatapps MSN และการติดต่อสื่อสารผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ ได้แก่  Facebook , Twitter , Instargram , youtube  เป็นต้น
    3. Log file ที่ปรากฏในเว็บเซิร์ฟเวอร์ หรือเซิร์ฟเวอร์บริการอื่นๆ ที่เราเข้าไปใช้บริการจะไม่สามารถตรวจหาค่าไอพีแอดเดรสที่แท้จริงของเราได้
    4. ป้องกันภัยจากโปรแกรมสคิปเพื่อติดตามตัวตนจากเราจากการเปิดบราวเซอร์ ประเภทพวก Java Script , ajax (เช่นพวก Web Analytic , Web Stats เป็นต้น หรือเป็นการป้องกันประเภท malicious exploit จากฝั่ง Server ที่ต้องการติดตามร่องรอยค่าไอพีแอดเดรสจากเรา โดยที่เราไม่จำเป็นต้องลงโปรแกรมเสริมใดๆ ก็สามารถป้องกันสิ่งเหล่านี้ได้จากการใช้ UN-Tracked

    จัดเป็นฮาร์ดแวร์ที่พร้อมใช้งานและสะดวกในการติดตั้งขนาดกะทัดลัดและสามารถรองรับการใช้งานได้หลายๆเครื่อง Client พร้อมกัน

    ภาพที่ 1 UN-Tracked Hardware ขนาดเท่าของจริง


    ภาพที่ 2 การติดตั้ง UN Tracked บนเครื่อข่าย

    การติดตั้ง UN Tracked สามารถติดตั้งได้ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน การติดตั้งเหมือนกันคือฮาร์ดแวร์ UN-Tracked จะมีการ์ดแลน 10/100/1000 จำนวน 4 Port   ประกอบด้วย
    Port ที่ 1 ETH0  ติดตั้งไปกับ Router  หรือ Switch  เพื่อรับค่า DHCP จาก Gateway ได้ส่วน Port 3 , 4 คือ ETH2, ETH3  สามารถติดตั้งรับ VLAN หากเป็นระบบเครือข่ายขนาดกลางและใหญ่  
    ส่วน ETH1 ใช้สำหรับ UN-Tracked Interface  เพื่อใช้อำพรางตัวตนเพื่อป้องกันการดักฟังทุกกรณีและมีการเข้ารหัสบนเส้นทางการติดต่อสื่อสาร

     ภาพที่ 3 คุณสมบัติฮาร์ดแวร์ของ UN-Tracked ด้วยรุ่นที่ทำขึ้นสามารถรองรับการใช้งานพร้อมกันได้ถึง 50 เครื่อง

    ความปลอดภัยบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่ควรเอาใจใส่

    การถูกเจาะระบบความปลอดภัยของเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซได้เพิ่มขึ้นจนกลายเป็นเรื่องที่พบเห็นหรือได้ยินบ่อยครั้งแล้วในสมัยนี้ ผลรายงานความปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์ทั่วโลกของSpiderLabsในปี 2012ได้ระบุว่า กว่า 20% ของเหตุภัยที่เกิดขึ้นนั้นมีเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซเกี่ยวข้องด้วย โดยมีอัตราส่วนเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 9%ซึ่งเกือบ40% ของเหตุภัยดังกล่าวเกิดขึ้นในทวีป Asia-Pacificโดยเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นจากทั่วโลกเหล่านี้มีแรงจูงใจเพื่อการขโมยข้อมูลบัตรเครดิตเป็นเสียส่วนใหญ่
    เพื่อเป็นการเสริมการป้องกันต่อการโจมตีที่มุ่งเป้าไปยังระบบอีคอมเมิร์ซ, เราจะต้องมีความรู้ความเข้าใจข้อเท็จจริงของความปลอดภัยในระบบอีคอมคอมเมิร์ซให้มากยิ่งขึ้นไปกว่านี้ และจากประสพการณ์ของพวกเราที่ผ่านมานั้น โดยทั่วไปแล้วการรับชำระค่าสินค้าและบริการส่วนมากบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซจะมีสามวิธีดังนี้
    การจัดเก็บข้อมูลและดาวน์โหลด
    วิธีการนี้เป็นวิธีการที่มักใช้โดยกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจรายย่อย โดยเฉพาะกลุ่มที่มีการนำระบบร้านค้าออนไลน์เข้ามาเสริมกับร้านค้าจริง ซึ่งร้านเหล่านี้จะมีเครื่องมือรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิตแล้ว ดังนั้นเมื่อมีการสั่งซื้อสินค้าผ่านทางเว็บไซต์ ผู้ประกอบการจะทำการดำเนินการใส่ข้อมูลบัตรเครดิตของลูกค้าลงในเครื่องเพื่อชำระเงินทีละรายการด้วยตนเอง
    ผลลัพท์จากวิธีการดังกล่าว ส่งผลให้ข้อมูลบัตรเครดิตของลูกค้าถูกจัดเก็บไว้ที่ไหนสักแห่ง โดยมากมักเป็นบนเว็บเซิฟเวอร์
    ชำระผ่านอินเทอร์เฟซเกตเวย์ของผู้ให้บริการ
    กลุ่มผู้ประกอบการรายที่ใหญ่ขึ้นมามีความเป็นไปได้สูงที่จะใช้วิธีการนี้ เพราะด้วยเหตุผลที่ว่ามันช่วยให้การรับชำระเงินเป็นไปได้ไม่ติดขัด และยังช่วยตรวจสอบสถานะบัตรเครดิต ณ เวลานั้นๆด้วย ซึ่งเมื่อลูกค้าให้ข้อมูลบัตรเครดิตแก่เว็บไซต์ของผู้ประกอบการแล้วในระหว่างขั้นตอนการคิดราคารวมสินค้าทั้งหมด ระบบจะทำการส่งข้อมูลเหล่านั้นไปยังเกตเวย์ของผู้ให้บริการบัตรเครดิตโดยตรงเพื่อตรวจสอบสถานะ ทำให้ข้อมูลบัตรเครดิตของลูกค้าไม่ถูกเก็บลงในระบบคอมพิวเตอร์ของผู้ประกอบการ และช่วยให้ลูกค้าไม่จำเป็นต้องถูกระบบเปลี่ยนหน้าเพจไปยังเว็บไซต์อื่นๆเพื่อชำระเงิน
    ชำระผ่านเกตเวย์ของผู้ให้บริการโดยตรง
    จุดมุ่งหมายของวิธีการนี้คือ เพื่อยืนยันให้ชัดเจนว่าข้อมูลบัตรเครดิตของลูกค้าจะไม่มีปรากฎในเว็บไซต์ของร้านค้าเลย โดยเมื่อลูกค้าได้เข้าสู่ขั้นตอนการคิดยอดค่าชำระแล้ว ลูกค้าจะถูกนำไปยังระบบของผู้ให้บริการ เพื่อให้ข้อมูลบัตรเครดิตและหักเงินจากยอดชำระของรายการสั่งซื้อ
    วิธีการชำระผ่านเกตเวย์โดยตรง และผ่านอินเทอร์เฟซเกตเวย์นั้นมีความคล้ายคลึงกันมาก เว้นแต่ช่องแบบฟอร์มที่ลูกค้าจะต้องทำการกรอกข้อมูลบัตรเครดิตเพื่อชำระเงินนั้นมาจากคนละเว็บไซต์ ข้อมูลเหล่านั้นจะถูกส่งไปยังผู้ให้บริการโดยตรงหากเป็นวิธีการชำระผ่านเกตเวย์โดยตรงในขณะที่การชำระผ่านอินเทอร์เฟซเกตเวย์ ข้อมูลจะถูกส่งไปที่เว็บไซต์ของร้านค้าก่อนที่จะถูกนำไปส่งที่ผู้ให้บริการโดยอัตโนมัติอีกทอดหนึ่ง
    ในบางสภาวะนั้นทั้งสามวิธีการดังกล่าว สามารถตกเป็นเป้าจากการโจมตีในรูปแบบเหล่านี้ได้:
    1. ข้อมูลที่ถูกจัดเก็บไว้ –แฮคเกอร์ใช้การค้นหาตำแหน่งของไฟล์ที่มีการบันทึกข้อมูลบัตรเครดิตไว้ และคัดลอกเอาออกมา มักเกิดขึ้นกับผู้ประกอบการที่เลือกใช้วิธีการ “จัดเก็บข้อมูลและดาวน์โหลด” และในบางครั้งเองก็อาจเกิดกับวิธีการ “ชำระผ่านอินเทอร์เฟซเกตเวย์ของผู้ให้บริการ” ได้ด้วยหากผู้ประกอบการเกิดความเผลอเรอ
    2. ช่วงระหว่างการรอส่งข้อมูลให้ผู้บริการ–เนื่องจากวิธีการชำระผ่านอินเทอร์เฟซเกตเวย์นั้นจะไม่มีข้อมูลบัตรเครดิตถูกเก็บไว้ในระบบของร้านค้าเลย ดังนั้นแฮคเกอร์จึงต้องทำการดักจับข้อมูลในช่วงระหว่างที่เว็บไซต์ร้านค้ากำลังเตรียมนำข้อมูลบัตรเครดิตที่ลูกค้ากรอกลงในแบบฟอร์มชำระเงิน ส่งให้กับผู้ให้บริการ การดักจับข้อมูลจะกระทำโดยการบันทึกข้อมูลทุกรายการที่มีการระบุให้ส่งไปที่ผู้ให้บริการลงในไฟล์เพื่อที่จะได้ดาวน์โหลดหรืออีเมล์ออกมาดูได้
    3. เหยื่อล่อ และการสับเปลี่ยน–ในขณะที่การใช้วิธีการชำระผ่านเกตเวย์ของผู้ให้บริการโดยตรงจะช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกขโมยข้อมูลลงไปได้มาก แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้ประกอบการสามารถทำให้เสี่ยงดังกล่าวหมดไปได้อย่างสิ้นเชิง ด้วยการเปลี่ยนแปลงการส่งข้อมูลบัตรเครดิตที่ลูกค้าได้ทำการกรอกลงไป
    ตัวอย่างเช่น แฮคเกอร์อาจทำการแฮคเว็บไซต์ร้านค้าให้ทำการแสดงแบบฟอร์มกรอกข้อมูลปลอมแทนที่จะเป็นแบบฟอร์มจากผู้ให้บริการจริงๆ ซึ่งเมื่อมีการกรอกข้อมูลลงไปแล้ว ข้อมูลจะถูกสำเนาออกเป็นสองชุด โดยชุดแรกจะถูกส่งไปที่ผู้ให้บริการจริง ในขณะที่อีกชุดจะส่งไปให้แฮคเกอร์เอง ทำให้ลูกค้าและตัวผู้ประกอบการเองไม่สามารถรู้ตัวได้ว่าถูกขโมยข้อมูลแล้ว
    หน้าที่ส่วนหนึ่งของผู้จัดทำบทความนี้คือการให้บริการตอบสนองกับภัยคุกคามที่เกิดขึ้น  ซึ่งต้องมีการสอบถามผู้ประกอบการที่ถูกขโมยข้อมูลบัตรเครดิตไป และมีจำนวนไม่น้อยที่ได้โต้แย้งว่าข้อมูลของพวกเขามีความปลอดภัย ไม่เกิดการรั่วไหลออกไปได้ ด้วยเหตุผลเหล่านี้:
    • ไม่เคยเก็บบันทึกข้อมูลบัตรเครดิตไว้เลย
    • ข้อมูลบัตรเครดิตมีการเข้ารหัสไว้
    • มีการนำเอาระบบ SSLมาใช้ ดังนั้นเว็บไซต์ร้านค้าจึงปลอดภัย
    • ข้อมูลบัตรเครดิตมีความปลอดภัยเพราะได้รับการรับรองมาตรฐาน PCI-DSS แล้ว
    • ร้านค้าเล็กๆไม่น่าจะตกเป็นเป้าของแฮคเกอร์ได้
    ไม่เคยเก็บบันทึกข้อมูลบัตรเครดิตไว้เลย
    เมื่อผู้ประกอบการยกเหตุผลนี้ขึ้นมา นั่นหมายถึง “เราไม่ได้มีความตั้งใจที่จะจัดเก็บข้อมูลบัตรเครดิตในระยะยาวเลย”เพราะผู้ประกอบการทุกคนต่างก็ทราบอยู่เสมอว่าพวกเขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเก็บข้อมูลเหล่านั้นไว้เมื่อถึงจุดๆหนึ่งที่ทำรายการเก็บค่าชำระแล้วแต่การทำเช่นนั้นซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิธีการ “จัดเก็บข้อมูลและดาวน์โหลด” จะต้องมีการเก็บข้อมูลบัตรเครดิตไว้ระยะเวลาหนึ่งก่อนที่ข้อมูลบัตรจะถูกนำไปใช้ชำระเงินทีละรายการ โดยภายหลังจากขั้นตอนนี้แล้วผู้ประกอบการจะทำการลบข้อมูลบัตรเครดิตออกจากระบบของพวกเขา
    จากประสพการณ์ที่ทางผู้จัดทำบทความนี้ได้พบมานั้น น้อยครั้งนักที่ข้อมูลดังกล่าวจะถูกลบออกไปได้จนหมดสิ้น เพราะว่าผู้พัฒนาโปรแกรมรังเกียจการสูญหายของข้อมูล ดังนั้นโปรแกรมสำหรับการจัดการร้านค้าส่วนใหญ่จึงถูกปรับแต่งให้ทำการเปลี่ยนสถานะการรายการสั่งซื้อจากแจ้งความประสงค์ในการสั่งซื้อให้กลายเป็นสถานะถูกส่งสินค้าไปแล้ว และซ่อนข้อมูลอื่นๆของรายการสั่งซื้อ รวมไปถึงข้อมูลการชำระเงินของลูกค้าไว้มากกว่าการลบออกไป นอกจากนี้ในบางโปรแกรมยังได้มีค่าการปรับแต่งเริ่มต้นให้ทำการสำรองข้อมูลทั้งหมดไว้ที่ฐานข้อมูลเป็นประจำอีกด้วย
    อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาถึงประเด็นข้างต้นที่กล่าวมา ช่วงเวลาดังกล่าวหากข้อมูลมีการจัดเก็บไว้ในระบบแม้แต่เพียงวินาทีเดียว ก็เป็นสิ่งเคลือบแคลงใจที่จะเกิดความเป็นไปได้ว่าข้อมูลจะถูกขโมยออกไปได้โดยแฮคเกอร์ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มักมีความเชื่อที่ผิดๆว่า แฮคเกอร์จะต้องทำการเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของเว็บไซต์ร้านค้าตลอดเวลา และขโมยข้อมูลบัตรเครดิตจากรายการสั่งซื้อที่เพิ่มเข้ามาเก็บไว้ทีละรายการ แต่จากประสพการณ์ของผู้จัดทำบทความได้พบว่าแฮคเกอร์เหล่านี้ใช้ระบบอัตโนมัติเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและลดเวลาในการปฏิบัติการ เช่นการใช้สคริปต์ควบคุมให้คอมพิวเตอร์ของพวกเขาตรวจสอบรายการสั่งซื้อเข้าใหม่จากเว็บไซต์ร้านค้าเป้าหมายได้ทุกๆ 5นาที
    นอกจากนี้ยังเคยปรากฏการขโมยข้อมูลผ่านอินเทอร์เฟซของเกตเวย์ผู้ให้บริการอีกด้วย ในกรณีนี้มักเกิดจากข้อมูลในบัตรเครดิตถูกบันทึกไว้ในไฟล์ log โดยอุบัติเหตุ แม้ตัวผู้ประกอบการไม่ได้จงใจให้เกิดเหตุเช่นนั้น เช่น หน้าที่การบันทึกไฟล์ log ที่มาพร้อมกับโปรแกรมจัดการ, จากตัวระบบเอง, หรือการตั้งค่าติดตั้งที่มิได้รับการเปลี่ยนกลับครั้งเมื่อผู้ประกอบการทดสอบการติดตั้งโปรแกรมจัดการ
    ข้อมูลบัตรเครดิตมีการเข้ารหัสไว้
    หากผู้ประกอบการยกเหตุผลว่าข้อมูลบัตรเครดิตถูกเข้ารหัสไว้ คำถามที่เกิดขึ้นจะตามมานั้นคือ “เยี่ยมไปเลย –แต่พวกคุณทำอย่างไรถึงจะเห็นข้อมูลเหล่านั้นเวลาทำรายการคิดค่าชำระ?” คำตอบที่ได้รับนั้นมักระบุว่า ข้อมูลได้ถูกถอดรหัสเรียบร้อยปรากฏอยู่ที่หน้าจอให้แล้ว เมื่อเข้าไปทำรายการด้วยบัญชีที่ลงทะเบียนไว้ ซึ่งแน่นอนว่ามันควรจะต้องเป็นเช่นนั้น, เพราะผู้ประกอบการยังจำเป็นต้องนำข้อมูลบัตรเครดิตมาทำรายการด้วยตนเอง ดังนั้นโปรแกรมจัดการจึงต้องมีวิธีการบางอย่างเพื่อถอดรหัสไว้ด้วย
    ถึงแม้ความเป็นไปได้ที่ข้อมูลบัตรเครดิตถูกเข้ารหัสไว้อย่างรัดกุม และช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าไปดูข้อมูลได้ในขณะที่ป้องกันมิให้แฮคเกอร์เห็นข้อมูลใดๆ (เช่น โปรแกรมจัดการซื้อขายของ LiteCommerceที่มีการเข้ารหัสแบบอสมมาตร ตามมาตรฐาน GPG)มากกว่า การเข้ารหัสด้วยกุญแจเพียงดอกเดียว แต่นั่นหมายถึงกระบวนการเข้ารหัสที่ด้วยกุญแจที่ถูกจัดเก็บไว้ในสถานที่เดียวกันและสามารถถูกเรียกใช้ได้ตลอดเวลาโดยเว็บแอพพลิเคชั่น
    การเข้ารหัสประเภทดังกล่าวมักไม่มีผลต่อแฮคเกอร์ที่สามารถแฮคเข้าเว็บไซต์ของร้านค้าได้เรียบร้อยแล้ว
    เมื่อแฮคเกอร์พบว่าข้อมูลที่ตนเองต้องการได้ถูกเข้ารหัสไว้ พวกเขาจะมองหาวิธีการถอดรหัสข้อมูลโดยวิเคราะห์จากโค้ดโปรแกรม เมื่อนำโค้ดในการถอดรหัสมาเรียบเรียงเขียนขึ้นใหม่ก็จะสามารถถอดรหัสเพื่อดูข้อมูลที่อยู่ข้างในได้
    มีการนำเอาระบบ SSL มาใช้ ดังนั้นเว็บไซต์ร้านค้าจึงปลอดภัย
    ใบรับรองSSLเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของความปลอดภัยบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ โดยมีจุดประสงค์เพื่อปกป้องข้อมูลที่ถูกส่งผ่านจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์หรือลูกค้าไปถึงเครื่องเซิฟเวอร์ของร้านค้า  โชคไม่ดีนักที่มันไม่ทำให้ข้อมูลมีความปลอดภัยเพิ่มขึ้นเลย เพราะเมื่อข้อมูลได้เดินทางถึงเครื่องเซิฟเวอร์ของร้านค้าแล้ว ใบรับรองSSL จะไม่สามารถป้องกันข้อมูลจากการถูกแฮคเว็บไซต์ร้านค้าโดยตรงได้
    ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มักมีความเข้าใจผิดว่าใบรับรอง SSLจะสามารถช่วยป้องกันการโจมตีจากแฮคเกอร์ได้ทุกชนิด โดยเฉพาะกลุ่มรายย่อย
    ข้อมูลบัตรเครดิตมีความปลอดภัยเพราะได้รับการรับรองมาตรฐาน PCI-DSS แล้ว
    ผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยที่มีการจ้างวานให้หน่วยงานที่สามเข้ามาดูแลจัดการตามมาตรฐาน PCI-DSS ซึ่งหลายต่อหลายครั้งผู้ประกอบการมีความเชื่อว่าหากผ่านมาตรฐานแล้ว พวกเขาจะไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยอีก
    ซึ่งน่าเสียดายว่าความเชื่อเหล่านี้ไม่เป็นความจริง –ความปลอดภัยบนเว็บไซต์ของร้านค้ายังเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อข้อมูลส่วนตัวและบัตรเครดิตของลูกค้า เพราะหากแฮคเกอร์สามารถที่จะเข้าไปขโมยข้อมูลเหล่านั้นออกมาได้ด้วยการแก้ไขการทำงานของเว็บไซต์หากสามารถแฮคเข้าไปควบคุมเครื่องเซิฟเวอร์ของร้านค้าได้สำเร็จ
    หากผู้ประกอบการเลือกใช้วิธีการคิดค่าชำระผ่านอินเทอร์เฟซเกตเวย์ แฮคเกอร์จะใช้การอีเมล์ข้อมูลบัตรเครดิตส่งมาให้ ในช่วงขั้นตอนการคิดราคาสินค้าเพื่อชำระเงินและเตรียมส่งให้ผู้บริการบัตรเครดิตตรวจสอบสถานะของบัตร
    ส่วนวิธีการชำระผ่านเกตเวย์โดยตรงนั้น แฮคเกอร์สามารถลวงให้ผู้ซื้อสินค้ากรอกข้อมูลบัตรเครดิตที่เว็บไซต์เกตเวย์ปลอมที่ได้สร้างขึ้นมาเตรียมไว้ จากนั้นทำการสำเนาข้อมูลการซื้อขาย แล้วส่งไปให้ที่เกตเวย์ของจริงอีกครั้งหนึ่ง ทำให้ผู้ประกอบการได้รับใบเสร็จจากการชำระเงิน และไม่เป็นที่สงสัยด้วย
    ร้านค้าเล็กๆไม่น่าจะตกเป็นเป้าของแฮคเกอร์ได้
    นี่อาจเป็นสาเหตุหลักที่ส่งผลให้เกิดแนวโน้มภัยคุกคามต่อเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซมากที่สุด ผู้ประกอบการรายย่อยเกือบทุกรายที่ผู้จัดทำบทความได้เคยสอบถามได้เปิดเผยว่าพวกเขามีความเชื่อที่ว่าแฮคเกอร์มักมุ่งเป้าโจมตีไปที่บริษัทที่มีธุรกิจขนาดใหญ่ และถึงกับจินตนาการไปว่าในเวลาดังกล่าวจะต้องมีแฮคเกอร์จำนวนมากกำลังขบคิดหาวิธีโจมตีบริษัทใหญ่ๆเหล่านั้นอยู่
    ในความเป็นจริงนั้น แฮคเกอร์เกือบทั้งหมดมักไม่มีความสนใจว่าเป้าหมายของพวกเขาจะมีความใหญ่โตทางด้านธุรกิจเพียงใด ในทางกลับกันพวกเขามุ่งเป้าไปที่การพยายามเจาะระบบรักษาความปลอดภัยที่ใช้โดยผู้ประกอบการธุรกิจ เพราะสามารถพัฒนาเครื่องมือเพื่อใช้ในการแฮคได้ง่าย
    นอกจากนี้แล้วพวกเขายังมีทัศนคติในเชิงบวกอีกด้วย หากระบบที่ถูกแฮคจะมีข้อมูลบัตรเครดิตเพียงไม่กี่ใบก็ตาม พวกเขาก็เลือกที่จะลงมือแล้วหาเหยื่อรายถัดไป และเมื่อรวมกับการนำระบบขโมยข้อมูลที่ทำงานโดยอัตโนมัติแล้ว ทำให้มีค่าใช้จ่ายน้อย และสามารถกระทำการได้อย่างต่อเนื่อง
    เพราะเหตุฉะนี้เอง เป้าหมายการโจมตีจึงตกไปอยู่กับกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยซึ่งมักใช้โปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ที่ฟรีหรือถูก แต่ไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันภัยได้ดีพอ
    แล้วเช่นนี้บทเรียนอะไรบ้างที่ผู้ประกอบการธุรกิจควรจะต้องทราบไว้ ?แนวทางง่ายๆด้านล่างนี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีโดยภัยคุกคามได้ ดังนี้:
    1.ไม่เก็บบันทึกข้อมูลบัตรเครดิต, มีเพียงบางสถานการณ์เท่านั้นที่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเก็บข้อมูลบัตรเครดิตไว้กับเครื่องเซิฟเวอร์ตัวเอง ผู้ประกอบการรายย่อยควรเลือกใช้วิธีชำระผ่านเกตเวย์โดยตรงโดยที่ไม่มีข้อมูลถูกจัดเก็บไว้
    2.หมั่นอัพเดตโปรแกรมจัดการร้านค้าให้ทันสมัยอยู่เสมอ, หลายครั้งที่แฮคเกอร์ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของโปรแกรมที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขในเวอร์ชั่นเก่าๆเพื่อโจมตีเว็บไซต์ร้านค้า
    3.ตรวจสอบเว็บไซต์ของตนเองเป็นประจำ, ตามที่ได้กล่าวมาทั้งหมดในบทความนี้ ผู้ประกอบการจะไม่สามารถรับรองความปลอดภัยของเว็บไซต์ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่เว้นแม้แต่การใช้วิธีชำระเงินผ่านเกตเวย์โดยตรงก็ตาม ผู้ประกอบการควรพิจารณานำเอาซอฟต์แวร์ที่ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลของไฟล์หรือค่าติดตั้งในเซิฟเวอร์เข้ามาช่วยป้องกันการแก้ไขข้อมูลโดยมิได้รับอนุญาตจากผู้ไม่ประสงค์ดี และหากเป็นไปได้ ผู้ประกอบการควรทำการทดสอบการชำระเงินทุกวันเพื่อยืนยันว่าข้อมูลมิได้ถูกส่งไปที่อื่นด้วย

    วิเคราะห์ Malware จาก file bin.exe

    เมื่อวาน (14/11/2555) จากระบบ siamhelp.org ได้ตรวจพบ

    Hostname 122.155.18.90
    IP 122.155.18.90
    AS AS9931
    CAT-AP The Communication Authoity of Thailand, CAT
    Web server Apache/2
    OS Unknown
    ISP CAT Telecom public company Ltd
    City Bangkok
    Country Thailand
    Local time Thu Nov 15 15:53:26 ICT 2012

    http://checkip.me/whomap.php?domain=122.155.18.90

    มีการติดเชื้อ หรือ แพร่เชื้อไวรัสคอมพิวเตอร์  เมื่อดูจากประวัติใน siamhelp.org แล้ว พบการติดเชื้อมา 3 ครั้ง คือ
    วันแรกที่พบคือ วันที่ 26 กรกฏาคม 2555  มี file ที่ติดเชื้อที่ 122.155.18.90/roudcubemail-0.5.2/program/biti.exe
    วันที่สองที่พบคือ วันที่ 1 ตุลาคม 2555 มี file ที่ติดเชื้อที่ 122.155.18.90/1.exe
    วันที่สามที่พบคือ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2555 มี file ที่ติดเชื้อที่ 122.155.18.90/bin.exe
    (file เหล่านี้ติดไวรัส อันตรายห้ามดาวโหลดไปลองหากไม่มีระบบป้องกันพอ เครื่องคอมพิวเตอร์ของท่านอาจเสียหายได้)

    ข้อมูลทั้งหมดที่พบจาก http://www.scumware.org/report/122.155.18.90

    URL MD5 IP Threat
    2012-10-17 16:36:56 http://122.155.18.90/Done.exe… 312B9857A2476F7516BCB287CB404940 122.155.18.90 TH Trojan-Dropper.Win32.Dapato.btlt
    2012-10-04 23:21:16 http://122.155.18.90/1.exe… D648F3D2E177DFAC4EC34B154A2575D2 122.155.18.90 TH Win32/Injector.XFC trojan
    2012-07-26 09:46:27 http://122.155.18.90/roundcubemail-0.5.2/bitfud.exe… 537E450713251692F260E7722D5BBF3D 122.155.18.90 TH Win32/Packed.Themida application
    2012-07-26 06:59:06 http://122.155.18.90/roundcubemail-0.5.2/program/biti.exe… E9A63A6AA767986F9A502A0ECF178A61 122.155.18.90 TH Win32/Packed.Themida application
    2012-07-22 16:03:33 http://122.155.18.90/roundcubemail-0.5.2/program/bitfud.exe… 482B9368AFBF39AC162BD0338AC30840 122.155.18.90 TH Win32/Packed.Themida application

    ลองมาทำการผ่าพิสูจน์ไวรัสกัน !!
    เอาตัวล่าสุดคือ bin.exe

    Scan date 2012-11-14 19:33:31 +00:00
    File name 4200663
    MD5 hash 5402d50803d892edfb8878a2ccbab0de
    File type Win32 EXE
    File Size (Byte) 2118144
    Detection ratio 27 / 44

    Scan result
    แสดงผลลัพธ์การสแกนจากแอนตี้ไวรัส 44 ค่าย มีผลดังนี้
    Scan result of virustotals
    Vendor Version Result Virus Name Database Date
    1. TotalDefense 37.0.10162 Virus not found 20121114
    2. MicroWorld-eScan 12.0.250.0 Virus not found 20121114
    3. nProtect 2012-11-14.02 Virus found Trojan.Generic.7962842 20121114
    4. CAT-QuickHeal 12.00 Virus not found 20121114
    5. McAfee 5.400.0.1158 Virus found Artemis!5402D50803D8 20121114
    6. K7AntiVirus 9.154.7858 Virus found Riskware 20121114
    7. TheHacker None Virus not found 20121113
    8. F-Prot 4.6.5.141 Virus found W32/Themida_Packed!Eldorado 20121114
    9. Symantec 20121.2.1.2 Virus found WS.Reputation.1 20121114
    10. Norman 6.08.06 Virus found W32/Troj_Generic.EWJYW 20121114
    11. ByteHero 1.0.0.1 Virus not found 20121110
    12. TrendMicro-HouseCall 9.700.0.1001 Virus found TROJ_GEN.R47CGJP 20121114
    13. Avast 6.0.1289.0 Virus found Win32:Malware-gen 20121114
    14. eSafe 7.0.17.0 Virus not found 20121112
    15.ClamAV 0.97.3.0 Virus not found 20121114
    16. Kaspersky 9.0.0.837 Virus found Trojan-Downloader.Win32.Dapato.mpc 20121114
    17. BitDefender 7.2 Virus found Trojan.Generic.7962842 20121114
    18. Agnitum 5.5.1.3 Virus found Suspicious!SA 20121114
    19. ViRobot 2011.4.7.4223 Virus not found 20121114
    20. Sophos 4.83.0 Virus found Mal/Behav-374 20121114
    21. Comodo 14201 Virus found UnclassifiedMalware 20121114
    22. F-Secure 9.0.17090.0 Virus found Trojan.Generic.7962842 20121114
    23. DrWeb 7.0.4.09250 Virus found Trojan.DownLoader7.21460 20121114
    24. VIPRE 13976 Virus found Trojan.Win32.Generic!BT 20121114
    25. AntiVir 7.11.50.24 Virus found TR/Crypt.XPACK.Gen 20121114
    26. TrendMicro 9.561.0.1028 Virus found TROJ_GEN.R47CGJP 20121114
    27. McAfee-GW-Edition 2012.1 Virus found Heuristic.BehavesLike.Win32.Suspicious-BAY.O 20121114
    28. Emsisoft 3.0.0.569 Virus not found 20121114
    29. Jiangmin 13.0.900 Virus found Trojan/Miner.bd 20121114
    30. Antiy-AVL 2.0.3.7 Virus not found 20121113
    31. Kingsoft 2012.9.22.155 Virus not found 20121112
    32. Microsoft 1.8904 Virus not found 20121114
    33. SUPERAntiSpyware 5.6.0.1008 Virus not found 20121114
    34. GData 22 Virus found Trojan.Generic.7962842 20121114
    35. Commtouch 5.3.2.6 Virus not found 20121114
    36. AhnLab-V3 2012.11.15.00 Virus found Downloader/Win32.Dapato 20121114
    37. VBA32 3.12.18.3 Virus not found 20121114
    38. PCTools 8.0.0.5 Virus not found 20121114
    39. ESET-NOD32 7693 Virus found probably a variant of Win32/BitCoinMiner.H 20121114
    40. Rising 24.36.01.05 Virus not found 20121114
    41. Ikarus T3.1.1.122.0 Virus found Trojan.Win32.Miner 20121114
    42. Fortinet 5.0.26.0 Virus found W32/BitCoinMiner.H 20121114
    43. AVG 10.0.0.1190 Virus found Generic6_c.BDXE 20121114
    44. Panda 10.0.3.5 Virus found Trj/Thed.A 20121114

    File fuzzy hashing
    Context Triggered Piecewise Hashing ของไฟล์
    File ssdeep of 4200663
    49152:wx08+tkrW4K8G/i4wVQyPAetraEaNAZZGGxb:VqrYZiR1asHGGx

    File metadata
    แสดงรายละเอียดและคุณลักษณะของไฟล์
    File exif of 4200663
    Property Value
    mimetype application/octet-stream
    subsystem Windows command line
    machinetype Intel 386 or later, and compatibles
    timestamp 2012:07:05 13:47:47+01:00
    filetype Win32 EXE
    petype PE32
    codesize 0
    linkerversion 10.0
    entrypoint 0x6e014
    initializeddatasize 2114048
    subsystemversion 5.1
    imageversion 0.0
    osversion 5.1
    uninitializeddatasize 0
    Portable Executable structural information
    Compilation timedatestamp.....: 2012-07-05 12:47:47
    Target machine................: 0x14C (Intel 386 or later processors and compatible processors)
    Entry point address...........: 0x0006E014
    
    PE Sections...................:
    
    Name        Virtual Address  Virtual Size  Raw Size  Entropy  MD5
                           4096        438272    438272     7.19  d1deeaa0eb791825a85a8e1647060a68
    .rsrc                442368          1328      1536     4.91  5db9c0afa277e657781a7042386629cd
    .idata               446464          4096       512     1.38  72003d358d654906aeb64ef8dce8c16c
    ...                  450560       1679360   1673728     7.81  9bbc6c53ef7c2afc1d8990d901779fee
    
    PE Imports....................:
    
    [[KERNEL32.dll]]
    CreateFileA, lstrcpy
    
    [[COMCTL32.dll]]
    InitCommonControls
    
    PE Resources..................:
    
    Resource type            Number of resources
    RT_MANIFEST              2
    
    Resource language        Number of resources
    NEUTRAL                  1
    ENGLISH US               1
    
    
    ไวรัสชนิดนี้ พบว่ายังมีหลายชื่อ file ดังนี้
    1. 4200663
    2. output.4200663.txt
    3. bin.exe
    ตรวจสอบเส้นทางการเชื่อมต่อค่า DNS ทางระบบเครือข่าย
    122.155.18.90
    ปัจจุบัน domain denichsoiltest.com ไม่ได้อยู่ที่ IP อันตรายนี้แล้ว แต่ค่าที่เห็นเกิดนำมาจาก http://ip.robtex.com/122.155.18.90.html#graph
    วันที่ทำการตรวจสอบการเชื่อมต่อค่า DNS วันที่ 15 /11/ 2555
    ผลการทดสอบเส้น Query DNS จาก http://sran.org/dns พบค่าดังนี้

    วิเคราะห์ malware จาก file Extratos-Debitos.exe

    Siamhelpจากข้อมูลใน siamhelp.org พบว่ามีเว็บหลายเว็บในประเทศไทยมีการติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว ซึ่งอาจส่งผลให้คนที่เข้าเยี่ยมชมเว็บเหล่านั้นจะมีการติดเชื้อและแพร่ต่อๆกันไป กลายเป็นส่วนหนึ่งของปริมาณ botnet ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

    จากข้อมูล http://www.siamhelp.org/reports/infect
    เว็บที่ติดเชื้อ คือ http://daycare.kku.ac.th/media/system/images/Extratos-Debitos.exe  (หากไม่มีระบบป้องกันห้ามเข้า path ดังกล่าว)

    เมื่อทำการวิเคราะห์
    Step 1  ทำการ whois ที่ http://checkip.me/whomap.php?domain=daycare.kku.ac.th

  • delegation information (beta) for daycare.kku.ac.th
    +-ams.sns-pb.isc.org ams.sns-pb.isc.org (199.6.1.30)
    | +-dns1.thnic.co.th dns1.thnic.co.th (202.28.1.22)
    | | +-ns-a.thnic.co.th ns-a.thnic.co.th (61.19.242.38)
    | | | +-ns-e.thnic.co.th ns-e.thnic.co.th (194.0.1.28)
    | | | | +-sfba.sns-pb.isc.org sfba.sns-pb.isc.org (149.20.64.3)
    | | | | | +-th.cctld.authdns.ripe.net th.cctld.authdns.ripe.net (193.0.9.116)
    | | | | | | +-kknt.kku.ac.th (202.12.97.21)
    | | | | | | | +-kku1.kku.ac.th (202.12.97.1)
    | | | | | | | | +-ns.thnic.net ns.thnic.net ns.thnic.net (202.28.0.1)
    | | | | | | | | | +-ns2.kku.ac.th (202.12.97.44)
    | | | | | | | | | |

    Step 2  ค้นหาความเกี่ยวข้อง DNS และการ routing 

  • ค้นหาจาก http://sran.org/dns/   หรือ http://dns.robtex.com/daycare.kku.ac.th.html#records
    ผลลัพธ์คือ
    Step 3 ตรวจสอบในระดับ Web Application

    Overview
    URL http://daycare.kku.ac.th/media/system/images/Extratos-Debitos.exe
    IP 202.12.97.32
    ASN Unknown
    Location  Thailand

    โดยปรับ User agent ผ่าน http://urlquery.net

    Settings
    UserAgent Mozilla/5.0 (Windows; U; Windows NT 6.1; en-US; rv:1.9.2.13) Gecko/20101203 Firefox/3.6.13
    Referer
    Adobe Reader 8.0
    Java 1.6.0_26
    Intrusion Detection Systems
    Suricata /w Emerging Threats Pro
    Timestamp Source IP Destination IP Severity Alert
    2012-11-15 07:04:32  202.12.97.32 urlQuery Client 3 FILEMAGIC windows executable
    Snort /w Sourcefire VRT
    Timestamp Source IP Destination IP Severity Alert
    2012-11-15 07:04:32  202.12.97.32 urlQuery Client 3 FILE-IDENTIFY Portable Executable binary file magic detected
    ตรวจสอบโดยใช้ http://wepawet.iseclab.org

    Malware

    Additional (potential) malware:

    URL Type Hash Analysis
    http://daycare.kku.ac.th/media/system/images/Extratos-Debitos.exe PE32 executable for MS Windows (GUI) Intel 80386 32-bit Mono/.Net assembly 320ba22fa9b47a135c235786e850f157
    รายละเอียด อ่าน http://wepawet.iseclab.org/view.php?type=js&hash=12a654aded391a575b177607f80ef00d&t=1351079337#sec_network
    สิ่งที่เห็นคือมีการ Redirect  ไปที่โดแมน arjunkarki.org  

    Network Activity

    URL Status Content Type
    http://daycare.kku.ac.th/media/system/images/Debitos-pendentes.php 302 text/html
     http://www.arjunkarki.org/media/Debitos-Extrato.jar 200 application/zip

    Redirects

    From To
    http://daycare.kku.ac.th/media/system/images/Debitos-pendentes.php http://www.arjunkarki.org/media/Debitos-Extrato.jar
    เมื่อทำการ whois  โดเมนที่ต้องสงสัย ผลที่ได้คือ
    Domain ID:D153928453-LROR
    Domain Name:ARJUNKARKI.ORG
    Created On:25-Aug-2008 16:18:46 UTC
    Last Updated On:27-Oct-2012 02:21:26 UTC
    Expiration Date:25-Aug-2013 16:18:46 UTC
    Sponsoring Registrar:Click Registrar, Inc. d/b/a publicdomainregistry.com (R1935-LROR)
    Status:OK
    Registrant ID:DI_9323685
    Registrant Name:Som Rai
    Registrant Organization:Rural Reconstruction Nepal (RRN)
    Registrant Street1:P.O.Box: 8130
    Registrant Street2:Gairidhara
    Registrant Street3:
    Registrant City:Kathmandu
    Registrant State/Province:Bagmati
    Registrant Postal Code:n/a
    Registrant Country:NP
    Registrant Phone:+977.14427823
    Registrant Phone Ext.:
    Registrant FAX:
    Registrant FAX Ext.:
    Registrant Email:som@rrn.org.np
    Admin ID:DI_9323686
    Admin Name:Anup Manandhar
    Admin Organization:Vianet Communications
    Admin Street1:Pulchowk
    Admin Street2:
    Admin Street3:
    Admin City:Kathmandu
    Admin State/Province:Bagmati
    Admin Postal Code:n/a
    Admin Country:NP
    Admin Phone:+977.15546410
    Admin Phone Ext.:
    Admin FAX:
    Admin FAX Ext.:
    Admin Email:anup@vianet.com.np
    Tech ID:DI_9323686
    Tech Name:Anup Manandhar
    Tech Organization:Vianet Communications
    Tech Street1:Pulchowk
    Tech Street2:
    Tech Street3:
    Tech City:Kathmandu
    Tech State/Province:Bagmati
    Tech Postal Code:n/a
    Tech Country:NP
    Tech Phone:+977.15546410
    Tech Phone Ext.:
    Tech FAX:
    Tech FAX Ext.:
    Tech Email:anup@vianet.com.np
    Name Server:DNS1.ARJUNKARKI.ORG
    Name Server:DNS2.ARJUNKARKI.ORG
    
    
    รายละเอียดที่ http://checkip.me/whomap.php?domain=arjunkarki.org
    
    
    Link ไปที่เนปาลได้อย่างไร  ... 
    
    
    มีความเป็นไปได้ว่าเว็บไซต์ที่นำเสนอมีการโดนเจาะระบบแล้วมีการฝั่ง file ที่มี malware อยู่โดย malware ชนิดนี้ถูกควบคุมจากอีกที่หนึ่ง
    Step 4 วิเคราะห์ file malware
    ทำการ download file ผ่าน sandbox Anubis iseclab 
    Request: GET /media/system/images/Extratos-Debitos.exe
    Response: 200 “OK”


    – Files Created:
    C:Documents and SettingsAdministratorLocal SettingsTemporary Internet FilesContent.IE5WDUF49ANExtratos-Debitos[1].exe


    – Files Read:
    C:WINDOWSsystem32shell32.dll
    C:lsarpc, Flags: Named pipe
    c:autoexec.bat


    – Files Modified:
    C:Documents and SettingsAdministratorLocal SettingsTemporary Internet FilesContent.IE5WDUF49ANExtratos-Debitos[1].exe
    C:lsarpc, Flags: Named pipeinfo
    DeviceAfdAsyncConnectHlpinfo
    DeviceAfdEndpointinfo
    DeviceRasAcdinfo


    – File System Control Communication:
    File Control Code Times
    C:lsarpc, Flags: Named pipe  0x0011C017  16 


    – Device Control Communication:
    File Control Code Times
    DeviceAfdEndpoint  AFD_GET_INFO (0x0001207B) 
    DeviceAfdEndpoint  AFD_SET_CONTEXT (0x00012047)  10 
    DeviceAfdEndpoint  AFD_BIND (0x00012003) 
    DeviceAfdEndpoint  AFD_GET_TDI_HANDLES (0x00012037) 
    DeviceAfdEndpoint  AFD_GET_SOCK_NAME (0x0001202F) 
    DeviceAfdEndpoint  AFD_CONNECT (0x00012007) 
    DeviceAfdEndpoint  AFD_SELECT (0x00012024) 
    DeviceAfdEndpoint  AFD_SET_INFO (0x0001203B) 
    DeviceAfdAsyncConnectHlp  AFD_CONNECT (0x00012007) 
    DeviceAfdEndpoint  AFD_RECV (0x00012017) 
    DeviceAfdEndpoint  AFD_SEND (0x0001201F) 
    unnamed file  0x00120028 


    – Memory Mapped Files:
    File Name
    C:WINDOWSSystem32wshtcpip.dll
    C:WINDOWSsystem32DNSAPI.dll
    C:WINDOWSsystem32RASAPI32.DLL
    C:WINDOWSsystem32TAPI32.dll
    C:WINDOWSsystem32WINMM.dll
    C:WINDOWSsystem32WS2HELP.dll
    C:WINDOWSsystem32WS2_32.dll
    C:WINDOWSsystem32hnetcfg.dll
    C:WINDOWSsystem32mswsock.dll
    C:WINDOWSsystem32rasadhlp.dll
    C:WINDOWSsystem32rasman.dll
    C:WINDOWSsystem32rtutils.dll
    C:WINDOWSsystem32sensapi.dll
    C:WINDOWSsystem32shell32.dll
    C:WINDOWSsystem32wsock32.dll

    – DNS Queries:
    Name Query Type Query Result Successful Protocol
    daycare.kku.ac.th  DNS_TYPE_A  202.12.97.32  YES  udp 


    –  HTTP Conversations:
    From ANUBIS:1029 to 202.12.97.32:80 – [daycare.kku.ac.th]
    Request: GET /media/system/images/Extratos-Debitos.exe
    Response: 200 “OK”

    – Mutexes Created:
    CritOpMutex
    MSCTF.Shared.MUTEX.IFG
    _SHuassist.mtx
    จากการใช้ virustotal ผลคือ
    File detail
    แสดงรายละเอียดพื้นฐานของไฟล์
    File detail of smona_524c8edb06461ebafd113be10053cc684ec3fba02c3662933bbe081af119c66c.bin
    Scan date 2012-11-15 01:41:05 +00:00
    File name smona_524c8edb06461ebafd113be10053cc684ec3fba02c3662933bbe081af119c66c.bin
    MD5 hash b07609c11d52d6eaa75c368e414bb025
    File type Win32 EXE
    File Size (Byte) 12800
    Detection ratio 23 / 44

    Scan result
    แสดงผลลัพธ์การสแกน
    Scan result of smona_524c8edb06461ebafd113be10053cc684ec3fba02c3662933bbe081af119c66c.bin
    Vendor Version Result Virus Name Database Date
    TotalDefense 37.0.10163 Virus not found 20121115
    MicroWorld-eScan 12.0.250.0 Virus found Trojan.MSIL.Crypt.wvu (ES) 20121114
    nProtect 2012-11-14.02 Virus not found 20121114
    CAT-QuickHeal 12.00 Virus not found 20121114
    McAfee 5.400.0.1158 Virus found Artemis!B07609C11D52 20121115
    K7AntiVirus 9.154.7858 Virus found Riskware 20121114
    TheHacker None Virus not found 20121113
    F-Prot 4.6.5.141 Virus not found 20121114
    Symantec 20121.2.1.2 Virus found Downloader 20121115
    Norman 6.08.06 Virus found W32/Troj_Generic.FJBCF 20121114
    ByteHero 1.0.0.1 Virus not found 20121110
    TrendMicro-HouseCall 9.700.0.1001 Virus found TROJ_BANLOAD.GQU 20121115
    Avast 6.0.1289.0 Virus found Win32:Malware-gen 20121115
    eSafe 7.0.17.0 Virus not found 20121112
    ClamAV 0.97.3.0 Virus not found 20121115
    Kaspersky 9.0.0.837 Virus found Trojan.MSIL.Crypt.wvu 20121114
    BitDefender 7.2 Virus not found 20121114
    Agnitum 5.5.1.3 Virus not found 20121114
    ViRobot 2011.4.7.4223 Virus not found 20121114
    Sophos 4.83.0 Virus not found 20121115
    Comodo 14205 Virus not found 20121115
    F-Secure 9.0.17090.0 Virus not found 20121115
    DrWeb 7.0.4.09250 Virus not found 20121115
    VIPRE 13982 Virus found Trojan.Win32.Generic!BT 20121115
    AntiVir 7.11.50.38 Virus found TR/MSIL.Crypt.wvu 20121115
    TrendMicro 9.561.0.1028 Virus found TROJ_BANLOAD.GQU 20121115
    McAfee-GW-Edition 2012.1 Virus found Artemis!B07609C11D52 20121115
    Emsisoft 3.0.0.569 Virus found Trojan.MSIL.Crypt.AMN (A) 20121115
    Jiangmin 13.0.900 Virus not found 20121114
    Antiy-AVL 2.0.3.7 Virus not found 20121115
    Kingsoft 2012.9.22.155 Virus found Win32.Troj.Crypt.(kcloud) 20121112
    Microsoft 1.8904 Virus not found 20121114
    SUPERAntiSpyware 5.6.0.1008 Virus found Trojan.Agent/Gen-Frauder 20121115
    GData 22 Virus found Win32:Malware-gen 20121115
    Commtouch 5.3.2.6 Virus not found 20121114
    AhnLab-V3 2012.11.15.00 Virus found Spyware/Win32.ArchSMS 20121114
    VBA32 3.12.18.3 Virus not found 20121114
    PCTools 8.0.0.5 Virus found Downloader.Generic 20121115
    ESET-NOD32 7693 Virus found MSIL/TrojanDownloader.Banload.K 20121114
    Rising 24.36.01.05 Virus not found 20121114
    Ikarus T3.1.1.122.0 Virus found Trojan.Msil 20121115
    Fortinet 5.0.26.0 Virus found MSIL/Banload.K!tr 20121115
    AVG 10.0.0.1190 Virus found Agent3.CKIJ 20121115
    Panda 10.0.3.5 Virus found Trj/CI.A 20121114





    File fuzzy hashing
    Context Triggered Piecewise Hashing ของไฟล์
    File ssdeep of smona_524c8edb06461ebafd113be10053cc684ec3fba02c3662933bbe081af119c66c.bin
    192:sxwuKTS5DJ+z2LdY1GQk7b1AURjsNyHRW+iBMWO7h7urmpvL2IYRR2:huKTS5MsYoKLYHR2MDyrmpD2s

    File metadata
    แสดงรายละเอียดและคุณลักษณะของไฟล์
    File exif of smona_524c8edb06461ebafd113be10053cc684ec3fba02c3662933bbe081af119c66c.bin
    Property Value
    subsystemversion 4.0
    linkerversion 8.0
    imageversion 0.0
    fileversionnumber 0.0.0.0
    uninitializeddatasize 0
    languagecode Neutral
    fileflagsmask 0x003f
    characterset Unicode
    initializeddatasize 1536
    originalfilename loader.exe
    mimetype application/octet-stream
    legalcopyright
    fileversion 0.0.0.0
    timestamp 2012:11:08 19:35:04+00:00
    filetype Win32 EXE
    petype PE32
    internalname loader.exe
    productversion 0.0.0.0
    filedescription
    osversion 4.0
    fileos Win32
    subsystem Windows GUI
    machinetype Intel 386 or later, and compatibles
    codesize 10752
    filesubtype 0
    productversionnumber 0.0.0.0
    entrypoint 0x48ee
    objectfiletype Executable application
    assemblyversion 0.0.0.0
    
    
    รายละเอียดดูจาก http://www.siamhelp.org/scan/result/file/b07609c11d52d6eaa75c368e414bb025
    เมื่อเอาค่า MD5 จาก file ไวรัสมาตรวจสอบพบว่า มี File name ที่เป็นไวรัสเดียวกันดังนี้
    File names 
    1. Extratos-Debitos.exe
    2. file-4758613_exe
    3. loader.exe
    4. output.3545948.txt
    5. b2c920576cebc4cde06f22763d9bf116f0a3e9cb.exe
    6. 3545948
    7. smona_524c8edb06461ebafd113be10053cc684ec3fba02c3662933bbe081af119c66c.bin
    แล้วพบกันตอนหน้า …

    ประเภทของ botnet

    การจำแนกตามประเภทบอทเน็ต
    การทดสอบประสิทธิภาพในการจำแนกประเภทเหตุการณ์ต่างๆที่มีการนำบอทเน็ตมาใช้ ผู้จัดทำได้คัดเลือกเหตุการณ์ที่ปรากฏในช่วงปีที่ผ่านมาและมีการแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของจุดประสงค์ที่ใช้งาน ในบางกรณีอาจมีความเกี่ยวข้องกันจึงถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มลำดับเหตุการณ์เดียวกันทั้งหมด ทั้งนี้เป็นเพราะเหตุการณ์เหล่านั้นมีการนำบอทเน็ตชนิดเดิมมาใช้เพื่อจุดมุ่งหมายเดียวกัน (รายละเอียดสามารถดูได้ที่ตารางด้านล่าง)
    1. Stuxnet
    ถึงแม้ว่าจำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ได้รับการติดเชื้อจาก Stuxnet จะมีจำนวนที่ไม่มากและมีการเจาะจงเป้าหมายการโจมตี แต่รูปแบบการทำงานโดยพื้นฐานของ Stuxnet ก็ได้ถูกจัดให้เป็นบอทเน็ตชนิดหนึ่ง อันเพราะมีความสามารถทางด้านการสั่งการและควบคุมเฉกเช่นคุณลักษณะที่บอทเน็ตทั่วไปพึงจะมี
    ปัญหาหนึ่งในการจำแนกเหตุการณ์ตามหมวดหมู่ คือการขาดความน่าเชื่อถือของข้อมูลอันเนื่องมาจากร่องรอยจำนวนมากที่ได้ถูกทิ้งไว้ ส่งผลให้การคัดแยกคุณลักษณะของผู้ใช้งานบอทเน็ตเป็นเรื่องที่ยากและในขณะเดียวกันนั้น ทางทีมผู้จัดทำได้เชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวอาจมีตัวแทนภาครัฐมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย อันเนื่องมาจากขีดความสามารถในการโจมตีและเจตนาในการก่อวินาศกรรมเป็นแรงจูงใจที่ปรากฏให้เห็น Stuxnet นั้นมีการแพร่กระจายโดยปราศจากความยินยอม และความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อระบบอุตสาหกรรมแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปฏิเสธการให้บริการได้อย่างดี
    2. GhostNet
    GhostNet เป็นบอทเน็ตชนิดหนึ่งที่ไม่ปรากฏถึงที่มาของผู้ควบคุม มีอัตราการติดเชื้ออยู่ในระดับที่ต่ำ (ประมาณ 1,300) และในกลุ่มที่มีการติดเชื้อเป็นเป้าหมายที่มีความสำคัญ คิดเป็น 30% ของทั้งหมด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงจุดมุ่งหมายเพื่อการจารกรรมข้อมูลจากกลุ่ม pro-Tibet โดย GhostNet ใช้วิธีการขโมยข้อมูลผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดเชื้อโดยไม่ได้รับการยินยอมจากเจ้าของเครื่อง
    3.ปฏิบัติการตอบโต้
    ปฏิบัติการดังกล่าวได้เริ่มดำเนินการขึ้นโดยกลุ่มผู้สนับสนุนเว็บไซต์ WikiLeaks ภายหลังที่กลุ่มผู้ให้บริการการเงินหลายกลุ่มได้หยุดให้บริการแก่ WikiLeaks หลังจากเหตุการณ์นำข้อมูลความลับของประเทศสหรัฐอเมริกามาเปิดเผย
    การโจมตีได้ถูกกระทำผ่านโปรแกรมโจมตีเครือข่ายให้บริการแบบเปิดที่มีชื่อว่า Low OrbitIon Cannon ด้วยความร่วมมือและการเตรียมการในเวบบอร์ด, ทวิตเตอร์ และเซิฟเวอร์ควบคุมและสั่งการ หากอ้างอิงตามการจัดประเภทของบทความนี้แล้ว ปฏิบัติการดังกล่าวจะถือว่าเป็นการแสดงขีดความสามารถในการโจมตี ผ่านการปฏิเสธการให้บริการแบบกระจาย และกระทำด้วยความยินยอมหรือสมัครใจของผู้ติดเชื้อบอทเน็ต
    4. Help-Israel-Win
    เป็นการกระทำของกลุ่ม pro-Israel ที่มีการผลักดันให้เกิดการต่อต้านองค์กรฮามาสของปาเลสไตน์ ผ่านการแสดงขีดความสามารถในการโจมตี ด้วยการจัดตั้งเว็บไซต์ที่เปิดให้มีการดาวน์โหลดโปรแกรม เพื่อให้เครื่องของผู้ใช้งานติดเชื้อบอทเน็ตด้วยความสมัครใจ หากอ้างอิงจากข้อมูลที่เผยแพร่โดยกลุ่มนี้จะพบว่า การโจมตีเว็บไซต์ของ pro-Palestinian ด้วยวิธีการปฏิเสธการให้บริการแบบกระจาย อย่างไรก็ตามไม่มีรายงานระบุว่ากลุ่มดังกล่าวได้กระทำการโจมตี หรือประสพผลสำเร็จจากการโจมตีแล้วหรือไม่
    5. Conficker
    จวบจนถึงทุกวันนี้ ยังเป็นที่ไม่ทราบว่าใครคือผู้พัฒนาหรือเจ้าของของบอทเน็ตตัวนี้ แต่จากการวิเคราะห์ความสามารถในการปรับตัวเข้ากับมาตรการตอบโต้ต่างๆอย่างรวดเร็ว ทำให้เชื่อได้ว่ามีหลายบุคคลอยู่เบื้องหลังการพัฒนา เนื่องมาจากไม่ปรากฏถึงความสามารถในการทำงานใดๆ นอกไปจากคำสั่งในการถ่ายโอนข้อมูล ทำให้เกิดการคาดเดาว่า Conficker เป็นเพียงแค่บอทเน็ตที่ใช้ในการพิสูจน์ถึงแนวคิดการทำงาน ดังนั้นแรงจูงใจการใช้บอทเน็ตจึงตกไปอยู่ที่เพื่อการศึกษาและวิจัย ผ่านการติดเชื้อที่ไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของเครื่อง
    6. Mariposa
    เป็นบอทเน็ตที่ได้มีการกล่าวอ้างว่ามีเครือข่ายของผู้ติดเชื้อที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ได้ถูกพัฒนาขึ้นและใช้งานโดยกลุ่มอาชญากรข้ามชาติเพื่อผลประโยชน์ด้านการเงิน ผ่านการขโมยข้อมูลในการทำธุรกรรมอีเล็คทรอนิกส์,บัตรเครดิต และใช้เพื่อในการโจมตีปฏิเสธการให้บริการแบบกระจาย ด้วยเครือข่ายของกลุ่มเครื่องที่ติดเชื้อโดยไม่ได้รับความยินยอม
    7. Belarus censorship
    รัฐเบลารุสมีประวัติอันยาวนานในเรื่องการบังคับใช้การเซ็นเซอร์บนอินเทอร์เน็ตแก่ประชาชนอันเนื่องมาจากกฎเกณฑ์ทางด้านข้อมูลข่าวสารที่สำคัญ Chapter ’97 ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการพูดคุยเรื่องทั่วไปในเบลารุสได้ถูกโจมตีทางไซเบอร์บ่อยครั้งโดยฝีมือผู้สนับสนุนภาครัฐ ในช่วงเมษายนปี 2008 เว็บไซต์ได้ถูกโจมตีด้วยการปฏิเสธการให้บริการแบบกระจาย เพราะเหตุที่มีการเผยแพร่ข่าวการชุมนุมประท้วงเพื่อแยกรัฐอิสระ (การแก้ไขข่าวสารผ่านการคัดกรองข้อมูล)
    ในขณะที่หน่วยงานภาครัฐของเบลารุสได้ปฏิเสธถึงการมีส่วนร่วมของการกระทำดังกล่าว เป็นที่เชื่อกันว่าพวกเขาไม่ได้มีการตอบโต้การโจมตีอย่างจริงจัง ซึ่งอาจจัดได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่กระทำโดยตัวแทนรัฐ แต่รูปแบบการใช้งาน และวิธีการติดเชื้อเป็นสิ่งที่ไม่สามารถระบุได้
    ตาราง แสดงข้อมูลของการจำแนกเหตุการณ์
    ตัวอย่าง
    ผู้ใช้งาน
    แรงจูงใจ / จุดมุ่งหมาย
    รูปแบบการโจมตี
    รูปแบบการติดเชื้อ
    Stuxnet
    ตัวแทนรัฐ
    การแสดงขีดความสามารถในการโจมตี
    ปฏิเสธการให้บริการ
    ไม่ได้รับการยินยอม
    GhostNet
    ไม่สามารถระบุได้
    การจารกรรมข้อมูล
    จารกรรมข้อมูล
    ไม่ได้รับการยินยอม
    Operation Payback
    ปฏิบัติการตอบโต้
    กลุ่มบุคคล
    การแสดงขีดความสามารถในการโจมตี
    ปฏิเสธการให้บริการแบบกระจาย
    ยินยอม
    Israeli
    กลุ่มบุคคล
    การแสดงขีดความสามารถในการโจมตี
    ปฏิเสธการให้บริการแบบกระจาย
    ยินยอม
    Conficker
    กลุ่มบุคคล
    การศึกษาและวิจัย
    ไม่มีรูปแบบการโจมตี
    ไม่ได้รับการยินยอม
    Mariposa
    กลุ่มบุคคล
    ผลประโยชน์ทางการเงิน
    จารกรรมข้อมูล / ปฏิเสธการให้บริการแบบกระจาย
    ไม่ได้รับการยินยอม

    ถามตอบเพื่อสร้างความเข้าใจระบบ Lawful Interception (LI)

    ด้วยว่าคำว่า LI หรือ Lawful Interception ยังมีหลายท่านยังสงสัยกับคำศัพท์ดังกล่าวนี้พอสมควร ในฐานะที่ผมเป็นคนแรกๆ ที่เผยแพร่บทความที่เกี่ยวกับ LI มาจึงอยากจะสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นสำหรับผู้เริ่มศึกษาและผู้ที่จะนำไปสื่อสารหรือเผยแพร่ข้อมูลได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมให้ก่อประโยชน์แก่สังคมต่อไปในอนาคต
    จึงขอเริ่มด้วยการ ถาม-ตอบ เกี่ยวกับคำศัพท์ Lawful Interception กันก่อน โดยมีคำถามตั้งต้นดังนี้
    1. Lawful Interception คืออะไร ?
    2. การจัดทำ Lawful Interception ทำเพื่ออะไร ?
    3. มีการดำเนินการจัด LI ทำอย่างไรแบบ step by step ?
    4. ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการอะไรบ้าง ?
    5. LI ได้ประโยชน์อย่างไร ?
    6. ใครเป็นผู้ได้- ใครเสียประโยชน์จากการทำ LI ?
    7. การทำ LI มีผลกระทบต่อสังคมอย่างไร ?
    โดยข้อ 4 ถึง 7 ยังไม่ขอกล่าวถึงในที่นี้
    คำถามที่ 1 : Lawful Interception คืออะไร ?
    ตอบ :
    คือระบบการตรวจสอบข้อมูลสารสนเทศที่ถูกต้องตามกฏหมาย หรือ กฏระเบียบภายในองค์กร
    ซึ่งเราสามารถแบ่งรูปแบบในการตรวจสอบข้อมูลแบบ LI ดังนี้
    – ระดับโลก / ระดับภูมิภาค
    – ระดับประเทศ
    – ระดับบริษัท และหน่วยงาน
    1. ระดับโลก / ระดับภูมิภาค นั้นจะพบว่าการสร้างเป็นกฏระเบียบการปฏิบัติการ Lawful Interception มีความพยายามให้เป็นสากลโดยการออกมาตรฐานต่างๆเพื่อมารองรับได้แก่ สถาบันมาตรฐานโทรคมนาคมแห่งยุโรป (European Telecommunications Standards Institute : ETSI) โครงการ 3rd Generation Partnership Project (3GPP) หรือองค์กรต่าง ๆ ของเคเบิลแล็บส์ (CableLabs) ที่รับผิดชอบด้านเครือข่ายไร้สาย/อินเทอร์เน็ต เครือข่ายไร้สาย และระบบเคเบิล ตามลำดับ ในสหรัฐฯ ข้อบังคับที่เทียบเคียงได้ให้อำนาจตามกฎหมาย Communications Assistance for Law Enforcement Act (CALEA) ซึ่งได้ระบุความสามารถเจาะจงโดยการประกาศใช้ ด้วยความร่วมมือของคณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสาร (Federal Communications Commission) และกระทรวงยุติธรรม
    2. ระดับประเทศ ในแต่ละประเทศอาจมีกฏระเบียบแตกต่างกันไป ขึ้นกับการบริหารและการปกครองของแต่ละประเทศ อย่างเช่นประเทศที่เป็นสังคมนิยม หรือ สาธารณรัฐก็จะมีความเด็ดขาดในการออกกฏเกณฑ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานข้อมูลสารสนเทศและอินเทอร์เน็ต เช่นประเทศ จีน พม่า และประเทศแถบอาหรับ , ส่วนประเทศที่เป็นเสรี ที่มีระบอบประชาธิปไตย ก็มีหลายประเทศที่ทำ LI อย่างเป็นกิจลักษณะ โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น อเมริกา แคนาดา ญี่ปุ่น เป็นต้น ด้วยเหตุว่าการเปิดเสรีในแสดงความคิดเห็นในการกระทำใดๆก็ตามนั้น ผู้แสดงความคิดต้องรับผิดชอบการกระทำของตนด้วย เพราะถึงจะเสรีแต่ก็ตรวจสอบได้ หากพบการก่อเหตุอันจะทำให้เป็นภัยแก่ประเทศของตนเอง แล้วนั้นต้องป้องกันภัยไม่ให้ภัยนั้นตกสู่ประชาชน นี้เป็นแนวคิดของประเทศที่เสรีที่พัฒนาแล้ว
    สำหรับประเทศไทยนั้นได้มีการนำ LI พิจารณาหลายครั้งแต่ปัจจุบันยังคงไม่ได้ทำกันอย่างเป็นกิจลักษณะและยังไม่มีหน่วยงานที่รับผิดชอบอย่างเป็นทางการ
    3. ระดับบริษัท / หน่วยงาน ได้แก่ ธนาคาร บริษัทมหาชน หรือ บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการผลิต บริษัทที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลการให้บริการประชาชน เหล่านี้ล้วนแล้วแต่จัดทำ Lawful Interception ซึ่งความแตกต่างในระดับประเทศและภูมิภาคนั้น คือ การดำเนินการและการออกกฏเกณฑ์ต่างๆ ที่อาจจะเกิดผลลัพธ์ในเชิงรูปธรรมได้สะดวกว่าในระดับอื่นที่กล่าวมา
    คำถามที่ 2 : การจัดทำ Lawful Interception ทำเพื่ออะไร ?
    ตอบ :
    เป้าหมายของการทำ Lawful Interception นั้นคือ การตรวจสอบข้อมูลอันอาจก่อให้เกิดความเสียหาย การกระทบต่อความมั่นคงของ ภูมิภาค ประเทศ และ องค์กร
    โดยข้อมูลในนี้คือการติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ส่งสารและผู้รับสาร โดยผ่านผู้ให้บริการข้อมูล ซึ่งจะเฉพาะจงเจาะสำหรับข้อมูลที่สื่อสารผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ต เป็นสำคัญ เนื่องจากข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตมีความเสรีในตัว ซึ่งหากจะจำแนกเจาะจงว่าผู้ใดเป็นผู้ส่งสารนั้นจะไม่สามารถทำได้หากขาดระบบการทำ Lawful Interception
    ข้อมูลที่ก่อให้เกิดความเสียหาย นั้น อาจแบ่งได้ดังนี้
    – ข้อมูลที่เกิดจากการแสดงความคิดเห็นที่เป็นภัยต่อประเทศ และ องค์กร ซึ่งในที่นี้จะหมายถึงความคิดเห็นจากบุคคลทั่วไป หรือ พนักงานในองค์กร ที่มีลักษณะความคิดที่แตกต่างกัน ซึ่งนำไปสู่ความขัดแย้ง อันก่อให้เกิดผลเสียหายตามมา หากมีความผิดตามกฏระเบียบแบบแผน , กฏหมาย , วัฒนธรรมและศิลธรรมอันดีงามแล้วก็จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์องค์กร หรือประเทศ ได้ ยกตัวอย่างเช่น ในระดับประเทศ เป็นประเทศไทย การแสดงความคิดเห็นซึ่งมีผลกระทบต่อสถาบันหลักของประเทศ เช่น สถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนชาวไทย มีความอ่อนไหวในการแสดงความคิดเห็น หรือแม้กระทั่ง ความขัดแย้งทางความคิดเสื้อแดง เสื้อเหลือง เป็นต้น ในระดับองค์กร ก็จะมองในเรื่องทรัพยากรบุคคล อันทำให้เกิดความเสื่อมเสียขององค์กร และการเสียผลประโยชน์ขององค์กรเป็นหลัก
    – ข้อมูลที่เป็นบ่อเกิดของอาชญากรรม ได้แก่ การหลอกลวงในชนิดต่างๆ ผ่านช่องทางการสื่อสาร ซึ่งในปัจจุบันก็จะพบข้อมูลประเภทนี้มากขึ้น เช่น อาชญากรรมข้ามประเทศ , การหลอกลวงผ่านแก๊ง Call Center ผ่านระบบ VoIP อินเทอร์เน็ต , การค้ามนุษย์, การค้ายาเสพติด ผ่านช่องทางสื่อสารอินเทอร์เน็ต เป็นต้น
    – ข้อมูลที่เป็นภัยคุกคาม ได้แก่ การก่อการร้าย, การวางระเบิด, การขโมยข้อมูลภายในองค์กร/หน่วยงาน การละเมิดลิขสิทธิ ทรัพย์สินทางปัญญา และการกระทำอื่นที่ทำให้ประชาชนในประเทศและองค์กร เกิดความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เป็นต้น
    – ข้อมูลที่เป็นภัยคุกคามทางเทคนิค ได้แก่ การแพร่ระบาดของไวรัสคอมพิวเตอร์ การบุกรุกเครือข่ายคอมพิวเตอร์จาก Hacker , การโจมตีเพื่อให้ระบบข้อมูลไม่สามารถทำงานได้ DDoS / DoS , การส่งข้อมูลขยะ (Spam) การหลอกลวง (Phishing) ทำให้เกิดผู้เสียหาย เป็นต้น
    หากประเทศใด หรือ องค์กรใด ยังไม่มีระบบที่สามารถตรวจสอบข้อมูลอันเป็นภัยดังกล่าวมานั้น จะทำให้การก่อเหตุอันไม่เหมาะสมนั้นเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในประเทศนั้นได้ เนื่องจากการกระทำความผิดในรูปแบบการสื่อสารผ่านช่องทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตนั้นไม่สามารถตรวจสอบที่มาที่ไปของข้อมูลได้หากไม่มี กระบวนการ ,เทคโนโลยี และ บุคคลการ พอเพียง
    ในบางประเทศที่มีการใช้งานข้อมูลอินเทอร์เน็ตจำนวนมาก เช่น จีน และ อเมริกา จึงสนใจการทำ Lawful Interception มากและมีกฏระเบียบที่ชัดเจนสำหรับความมั่นคงของชาติและการป้องกันประเทศของตนให้พ้นจากภัยอันตรายที่เกิดจากการสื่อสารข้อมูล เป็นต้น
    คำถามที่ 3 : มีการดำเนินการจัด LI ทำอย่างไรแบบ step by step ?
    ตอบ
    ขั้นตอนการทำ Lawful Interception (LI) เนื่องจากในขั้นต้นได้บอกว่า LI นั้นเป็นระบบ ซึ่งในระบบนั้นจะมีส่วนประกอบย่อย โดยสามารถแยกเป็นองค์ประกอบได้ดังนี้
    1. องค์ประกอบการดำเนินการ LI (Process) : การออกกฏเกณฑ์เพื่อปฏิบัติ อันเป็นที่ยอมรับในสังคม จะจัดทำเป็น
    1.1 นโยบาย (Policy) เพื่อออกกฏระเบียบมาตราฐานกลาง (Compliance) ที่ใช้ในประเทศ หรือ องค์กร
    1.2 กระบวนการปฏิบัติ (Procedure)
    1.3 บทบาทหน้าที่รับผิดชอบ : หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หน่วยงานที่รับผิดชอบในการปฏิบัติงาน หน่วยงานที่กำกับดูแลการออกนโยบาย เป็นต้น
    2. องค์ประกอบด้านเทคโนโลยี และการออกแบบระบบ Lawful Interception
    2.1 ระดับประเทศ
    – จัดทำตามแผนปฏับัติการตามนโยบายงานกลาง (Compliance) ที่กำหนดขึ้น
    – ทำความเข้าใจสำหรับผู้ให้บริการข้อมูลเครือข่ายคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต
    – ศึกษาวงจรการเชื่อมต่อข้อมูลเครือข่ายคอมพิวเตอร์และอินเทอรเน็ตในฝั่งผู้ให้บริการ เพื่อออกแบบระบบให้รองรับกับปริมาณข้อมูลจราจรเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Traffic data)
    – การจัดทำประเภทข้อมูลเพื่อใช้ในการทำการตรวจสอบ ได้แก่ ชนิดของ Protocol ที่ใช้สำหรับการสื่อสาร, ชนิดการสื่อสาร เป็นต้น
    – การจัดทำระบบตรวจสอบข้อมูลที่สื่อสารกันภายในประเทศ
    – การจัดทำระบบตรวจสอบข้อมูลที่สื่อสารจากภายในประเทศออกสู่ต่างประเทศ
    – การจัดทำระบบตรวจสอบข้อมูลที่สื่อสารจากต่างประเทศเข้าสู่ภายในประเทศ
    – ฐานข้อมูลการเก็บประวัติเพื่อสืบค้นเฉพาะกรณี
    หากมีหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบที่รัฐบาลมอบหมายให้ดูแล LI ต้องทำมากขึ้นโดยการนำข้อมูลจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตมาใช้ร่วม (ยังไม่ขออธิบายในขั้นนี้)
    *** ในทางเทคนิคแล้วการตรวจสอบข้อมูลในระดับประเทศไม่สามารถที่เก็บบันทึกข้อมูลทุกการกระทำทั้งหมดในการสื่อสารได้ จะทำเป็นกรณีๆ ตามเป้าหมายที่ได้ต้องสงสัยไว้หรือบางแอฟลิเคชั่นที่สำคัญเพื่อเฝ้าติดตามเป็นกรณีพิเศษ ดังนั้นหากคิดว่าจะเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลก็ต้องขอให้คิดใหม่ว่าในทางเทคนิคไม่มีทางที่เก็บข้อมูลได้หมดและข้อมูลที่ได้ก็ยังไม่ได้หมายความว่าคือบุคคลคนนั้นจริง เพราะในโลกการสื่อสารโดยเฉพาะการสื่อสารผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตสิ่งที่ตรวจสอบได้คือ IP Address เท่านั้น ดังนั้นค่า IP Address ไม่ได้บอกถึงว่าคนคนนั้นคือใครได้ ต้องมีขั้นตอนในการตรวจสอบเพิ่มเติมมากกว่านี้ ส่วนเรื่องเนื้อหาของข้อมูลที่ส่งผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต หากไม่ใช่เนื้อหาจากทางการข่าวให้เฝ้าสังเกต หรือ เนื้อหาที่ก่อให้เกิดอาชญากรรม เป็นเนื้อหาจากการใช้งานอินเทอร์เน็ตโดยทั่วไปก็ไม่ต้องกังวลเพราะการทำระดับประเทศต้องมีเป้าหมายชัดเจนถึงจะสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ ***
    2.2 ระดับบริษัท
    – จัดทำตามแผนปฏับัติการตามนโยบายงานกลาง (Compliance) ที่กำหนดขึ้น
    – จัดทำระบบฐานข้อมูลพนักงาน (Inventory) ค่าเครื่องคอมพิวเตอร์ ตามที่อยู่แผนกชั้น
    – การจัดทำระบบตรวจสอบข้อมูลที่สื่อสารภายในองค์กร
    – การจัดทำระบบตรวจสอบข้อมูลที่สื่อสารจากภายในองค์กรออกสู่นอกองค์กร
    – การจัดทำระบบตรวจสอบข้อมูลที่สื่อสารจากภายนอกองค์กรเข้าสู่ภายในองค์กร
    – การเก็บบันทึกข้อมูลจราจรคอมพิวเตอร์ (Log) ตามกฏหมาย
    3. องค์ประกอบในการปฏิบัติการ (Operation) : หากได้มีการจัดตั้งหน่วยงานที่ดูแล เพื่อปฏิบัติการ ต้องจัดหาบุคคลากรที่มีความรู้ความสามารถ และมีบทบาทหน้าที่ในส่วนที่ได้จัดทำขึ้นตามแผนงานและนโยบายที่กำหนดไว้ เพื่อการปฏิบัติงานได้อย่างต่อเนื่องและก่อให้เกิดประโยชน์แก่สังคมส่วนรวม
    โปรดอ่านตอนต่อไป …
    Nontawattana Saraman
    นนทวรรธนะ สาระมาน
    เขียน 28/01/55
    หมายเหตุ :
    – หากคัดลอกข้อมูลจากบทความนี้ไปเผยแพร่ ไม่ว่าจะเป็นสาธารณะหรือในที่ประชุม โปรดอ้างอิงชื่อผู้เขียน
    – ผู้เขียนได้เขียนบทความนี้จากประสบการณ์ อาจมีบางแง่บางมุมที่แตกต่างกันจากที่ได้รับรู้ และบางแง่บางมุมที่ยังไม่สามารถเผยแพร่ได้อย่างครบถ้วน การนำไปเผยแพร่โปรดใช้วิจารญาณในการติดสินใจ
    ภาพประกอบจากบทความ Shadow Factory Revelations : The illegal NSA Domestic Spy Dragnet

    แนวโน้มภัยคุกคาม ปี 2012

    แนวโน้มภัยคุกคามทางคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต ปีค.ศ. 2012 (พ.ศ 2555)

    ถือ เป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปแล้วสำหรับบริษัทและบล็อกด้านความปลอดภัยต่าง ๆ ที่เมื่อสิ้นปีจะทำนายแนวโน้มของภัยคุมคามคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตสำหรับ ปีถัดไป ทีมงาน SRAN ได้ค้นหาและอ่านบทความทำนายแนวโน้มจากหลายสำนักจนได้รวบรวมเกิดเป็นบทความ นี้ขึ้นหวังว่าหลังจากที่ได้อ่านแล้วจะทำให้ผู้อ่านได้ความคิดใหม่ ๆ ในการป้องกันตัวเองและครอบครัวจากจากภัยที่คุณอาจจะต้องพบเจอเข้าในสักวัน หนึ่ง เพราะคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตเป็นเรื่องใกล้ตัวที่คุณไม่อาจมองข้ามได้ อีกต่อไป

    1. การโจมตีเป้าหมายเจาะจง (targeted attack) จะทำให้เกิดความเสียหายและมีความซับซ้อนมากขึ้น

    สอง ปีที่ผ่านมามีข่าวเกี่ยวกับการโจมตีต่อเป้าหมายเจาะจง เนื่องจากกลุ่มที่ใช้คอมพิวเตอร์และเครือข่าย เพื่อเคลื่อนไหวทางการเมือง (เรียกว่า hacktivist มาจากคำว่า hack รวมกับ activist) อย่าง Anonymous และ LulzSec รวมถึงการเพิ่มขึ้นของอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต ที่มุ่งเป้าไปที่รัฐบาล ธุรกิจและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่ต้องอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูงและระยะเวลาที่ยาวนาน เรียกว่า Advanced Persistent Threats (APTs)

    ตัวอย่างได้แก่ การโจมตีอย่างต่อเนื่องที่ทำให้โซนี่ต้องหยุดให้บริการเพลย์สเตชั่นเป็นเวลา นาน ทำให้เกิดความเสียหายทางการเงิน และการรั่วไหลของข้อมูลผู้ใช้ และการโจมตีเครือข่ายของล็อกฮีด มาร์ติน (Lockheed Martin) บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินระหว่างประเทศและเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ที่อาจมีจุดมุ่งหมายเพื่อจารกรรมข้อมูลการออกแบบเครื่องบินรบ

    เรา สังเกตได้ถึงระดับความซับซ้อนของการโจมตีเหล่านี้ เช่น ในขณะที่การโจมตีโซนี่เกิดจากการบุกรุกเครื่องแม่ข่ายเว็บ (web server) ที่ไม่ได้แก้ไขช่องโหว่ของโซนี่เอง แต่การโจมตีล็อกฮีด มาร์ตินเป็นผลมาจากการโจมตีบริษัท RSA ทางอีเมล เริ่มแรก พนักงานของ RSA ได้รับอีเมลแนบไฟล์สเปรดชีท ที่โจมตีช่องโหว่ Adobe Flash Playerและติดตั้งประตูหลัง (backdoor) และส่วนประกอบอื่น ๆ ของมัลแวร์ จากนั้นมัลแวร์ดังกล่าวจึงถูกใช้เพื่อเข้าถึงระบบของRSA และขโมยข้อมูลทางเทคนิคของ SecurID ซึ่งเป็นการยืนยันตัวตนสองปัจจัย (two-factor authentication) RSA ยืนยันว่าข้อมูลดังกล่าวถูกใช้เพื่อโจมตีล็อกฮีด มาร์ติน

    เห็นได้ชัดว่าเหยื่อของการโจมตีเหล่านี้ได้รับความเสียหายมาก รวมถึงการเสียชื่อเสียง เสียความเชื่อมั่นของลูกค้า
    ราคาหุ้นตกและเสียค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาในทางเทคนิค

    เมื่อเร็ว ๆ นี้ APTs ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของมัน หนอน Stuxnet เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดี อีกทั้ง
    Stuxnet ยังใช้ใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ (digital certificate) ที่ถูกต้องอีกด้วย เมื่อพิจารณาถึงกรณีที่ใบรับรองถูกขโมยจากผู้ให้บริการออกใบรับรอง อิเล็กทรอนิกส์ DigiNotar เชื่อว่าการโจมตีต่อเป้าหมายเจาะจงจะมีเพิ่มขึ้น
    โดยมีความซับซ้อนมากขึ้น ใช้การโจมตีช่องโหว่แบบ zero-day (ช่องโหว่ที่ยังไม่มีวิธีแก้ไขจากผู้ขายผลิตภัณฑ์)
    และใช้หลายขั้นตอนในการโจมตี

    2. จะมีการหลอกลวงในเครือข่ายสังคมออนไลน์เพิ่มมากขึ้น

    เครือ ข่ายสังคมเป็นหนึ่งในวิธีสำคัญในการสื่อสาร ปฏิสัมพันธ์และร่วมแบ่งปัน ระหว่างผู้บริโภคและธุรกิจผ่านทางเว็บ โชคไม่ดีที่บริการเหล่านี้ตกเป็นเป้าหมายในการก่ออาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต เช่นกัน

    แคมเปญที่มีจุดประสงค์ร้ายแพร่หลายไปทั่วสังคมออนไลน์ หนึ่งในวิธีการหลักที่แคมเปญทางเฟซบุ๊คแพร่หลายไป
    คือวิธีที่เรียกว่า “likejacking” รูปแบบหนึ่งของเทคนิค clickjacking เมื่อผู้ใช้ถูกหลอกให้กด “Like” ในหน้าเว็บหนึ่งซึ่งจะมีผลให้แสดงข้อความหน้า Wall ในเฟซบุ๊ค บ่อยครั้งที่ข้อความเหล่านี้จะเป็นข้อความที่น่าตื่นเต้น เช่น การตายของอุซามะฮ์ บิน ลาดิน หรือ เอมี ไวน์เฮาส์ ซึ่งจะนำไปสู่หน้าเว็บมุ่งร้ายหรือน่าสงสัย รูปแบบหนึ่งที่พบทั่วไปคือแบบสำรวจออนไลน์ที่บังคับให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลก่อน ดูวิดีโอที่ต้องการ ผู้ที่หลอกล่อให้ผู้ใช้กรอกแบบสำรวจได้สำเร็จจะได้เงินตอบแทน ส่วนแคมเปญมุ่งร้ายอื่น ๆ เช่น ใช้บริการย่อ URL เพื่อเปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้ไปยังหน้าเว็บมุ่งร้าย หรือหลอกล่อให้ผู้ใช้ copy / paste URL ที่อ้างว่าเป็นวิดีโอลงไปใน address bar โดยตรง

    ผู้ให้ บริการเครือข่ายสังคมอย่างเฟซบุ๊คและทวิตเตอร์มีผู้ใช้หลายร้อยล้านคน และตามมาด้วยรายใหม่อย่าง Google+ ถึงแม้จะมีพัฒนาการด้านมาตรการด้านความปลอดภัยใหม่ ๆ ออกมาจากบริษัทผู้ให้บริการเหล่านี้ แต่เนื่องจากผู้ใช้และข้อมูลที่มีจำนวนมากจากผู้ให้บริการไม่กี่แห่ง จึงเป็นที่ดึงดูดอาชญากรทางอินเทอร์เน็ต และก่อให้เกิดการล่อลวงในสังคมออนไลน์เพิ่มมากขึ้นในปีค.ศ. 2012

    3. มัลแวร์สำหรับอุปกรณ์พกพาคุกคามผู้ใช้และองค์การ

    ในปีค.ศ. 2011 เพียงปีเดียวมีการเติบโตของมัลแวร์สำหรับอุปกรณ์พกพาอย่างมีนัยสำคัญ สิ้นปีค.ศ. 2010
    มีมัลแวร์กว่า 2,500 ตัวอย่าง แต่ในปีค.ศ. 2011 เพิ่มขึ้นมากกว่า 7,500 ตัวอย่าง

    ในปีค.ศ. 2011 ได้มีมัลแวร์สำหรับแพลตฟอร์มแอนดรอยด์เพื่อดักข้อมูล SMS ที่ธนาคารต่าง ๆ ใช้เพื่อป้องกัน
    ลูกค้าจากโทรจัน เป็นตัวอย่างที่ดีของ “เกมแมวไล่จับหนู” ระหว่างผู้โจมตีและผู้ป้องกัน แอนดรอยด์ได้
    กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ตกเป็นเป้าหมายของมัลแวร์มากที่สุด มากกว่ามัลแวร์ซิมเบียนในครึ่งแรกของปี 2011 อีกด้านหนึ่งของมัลแวร์สำหรับอุปกรณ์พกพาที่เพิ่งเริ่มต้นขึ้น ได้แก่การใช้อุปกรณ์พกพาเป็นบ็อท (bots) ในเครือข่ายbots ที่แพร่หลายในคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ เนื่องจากมีอุปกรณ์และคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเครือข่ายมากขึ้น ผู้โจมตีจึงพยายามนำทรัพยากรเหล่านี้มาใช้เพื่อประโยชน์ของตัวเอง

    แอน ดรอยด์ตกเป็นเหยื่อของความสำเร็จของตัวมันเองในหลายแง่มุม เนื่องจากคนแห่กันไปใช้อุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการนี้ ผู้โจมตีก็ทำเช่นเดียวกัน นอกจากนี้แอนดรอยด์ยังมีข้อเสียที่นักพัฒนาสามารถเผยแพร่แอพพลิเคชั่นใด ๆ เข้าไปในMarketplace ได้อย่างง่ายดาย การพัฒนาหนึ่งที่น่าสนใจคือการเปิดตัว Amazon Kindle Fire ซึ่งปกติแล้วจะเชื่อมต่อกับ Amazon application store เท่านั้น หวังว่าทาง Amazon จะให้ความใส่ใจกับแอพพลิเคชั่นที่ยอมให้เผยแพร่ใน application store มากกว่า Marketplaceของกูเกิล

    ทุกองค์การควรให้ความสนใจกับจำนวนที่ เพิ่มขึ้นของพนักงานที่ใช้อุปกรณ์ของพวกเขาเองในที่ทำงานและดาวน์โหลดข้อมูล ขององค์การ เช่น อีเมลและไฟล์ต่าง ๆ เข้ามาในอุปกรณ์โดยไม่มีการควบคุม เป็นแนวโน้มที่เรียกว่า consumerization of ITหรือ Bring-Your-Own-Device (BYOD) องค์การจำเป็นต้องเตรียมพร้อมสำหรับปัญหาด้านความปลอดภัยและความร่วมมือที่ เกิดจากการนำอุปกรณ์ที่บริษัทจัดหามาให้ใช้งาน และที่พนักงานนำมาใช้เองด้วย

    ใน ปีค.ศ. 2012 เราจะได้เห็นมัลแวร์สำหรับอุปกรณ์พกพาที่มีความซับซ้อนและผลกระทบมากขึ้น มัลแวร์ที่มุ่งเป้าที่สื่อสังคมออนไลน์จะแพร่กระจายมากขึ้น เนื่องจากมีการใช้อุปกรณ์พกพาเพื่อเข้าถึง และอัพเดทสังคมออนไลน์เพิ่มขึ้น โดยมัลแวร์ไม่เพียงแต่มุ่งเป้าที่ข้อมูลของผู้ใช้ แต่สามารถติดตามตำแหน่งของผู้ใช้ด้วย อาจเป็นเรื่องใหญ่ของความปลอดภัยสำหรับเด็ก ผู้ถ่ายภาพลามกเด็กและโจรลักพาตัวอาจสนใจภาพส่วนตัวที่เก็บอยู่ในอุปกรณ์พก พา ซึ่งจะมีข้อมูลพิกัดจีพีเอส (GPS) ของสถานที่ถ่ายภาพ ถึงแม้จะเก็บอยู่ในอุปกรณ์พกพาของผู้ปกครองก็ตาม

    ข้อควรกังวลมาก ที่สุดเกี่ยวกับมัลแวร์ในอุปกรณ์พกพาคือ ข้อจำกัดของความสามารถของผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัยในปัจจุบัน และจุดอ่อนในส่วนของผู้ใช้ เครื่องพีซีที่อยู่ในองค์การจะได้รับการดูแลจากฝ่ายไอที แต่อุปกรณ์พกพาของพนักงาน ที่ใช้เพื่อเข้าถึงและเก็บข้อมูลของบริษัท ดูเหมือนจะถูกละเลย องค์การจำเป็นต้องเพิ่มนโยบายด้านความปลอดภัย ช่วยให้อุปกรณ์พกพาสามารถเปิดเว็บได้อย่างปลอดภัย โดยที่อุปกรณ์พกพาส่วนตัวที่เข้าถึงเครือข่ายของบริษัทนั้นต้องใช้นโยบาย เดียวกันด้วย

    4. ช่องโหว่ในซอฟท์แวร์เสริมการทำงานเว็บบราวเซอร์

    ซอฟท์แวร์ เสริมสำหรับบราวเซอร์อย่าง Java, Flash Player และ Adobe Reader มีผู้ใช้ทั่วโลกเป็นจำนวนมาก มีช่องโหว่ในผลิตภัณฑ์เหล่านี้ที่พบและถูกโจมตีจำนวนมาก และเป็นเรื่องลำบากสำหรับผู้ดูแลฝ่ายไอทีในการอัพเดทผลิตภัณฑ์เหล่านี้ใน องค์การ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จึงกลายเป็นช่องทางที่ใช้ในการโจมตีที่ได้ผล ผู้ใช้งานเจอความท้าทายเดียวกัน ในบางครั้งฟีเจอร์การทำงานบางอย่างก็ไม่จำเป็นสำหรับผู้ใช้งาน การปิดการทำงานของฟีเจอร์เหล่านั้นช่วยลดความเสี่ยงในการถูกโจมตีได้อย่างมี ประสิทธิภาพ

    นอกจากการเติบโตในแง่ของจำนวนแล้ว การโจมตีเหล่านี้ยังมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย เช่น การซ่อนไฟล์มุ่งร้ายในไฟล์อื่นเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ การโจมตีที่ใช้ไฟล์ flash มุ่งร้ายที่ฝังในไฟล์เอกสาร และรูปแบบที่คล้าย ๆ กันพบเห็นได้บ่อยขึ้น

    สามารถอ่านต่อจนจบบทความได้ที่ http://sran.org/tl

    เตือนภัยเว็บไทยถูกโจมตีจากเทคนิค SQL Injection จำนวนมาก

    การโจมตีที่ SQL Injection ที่กำลังระบาดในขณะนี้เรียกว่า lilupophilupop.com SQL injection

    ระบบ ที่ถูกโจมตีเป็นระบบที่ใช้ ASP หรือ ColdFusion ที่ใช้ MSSQL เป็น backend โดยจะถูกฝังข้อความ “> อยู่ในเว็บไซต์ เมื่อเปิดหน้าที่ถูกฝังสคริปท์

    นี้แล้วจะ redirect ไปที่เว็บไซต์ดาวน์โหลด Flash และแอนตี้ไวรัสปลอม

    โดเมนในประเทศไทยพบ 12,800 หน้า ส่วนทั่วโลกพบประมาณ 1 ล้านหน้า

    เว็บ .th ที่ถูกโจมตี
    https://www.google.com/search?q=title+script+src+http+%22sl+php%22+script+%22lilupophilupop+com%22+site%3A.th&hl=en&biw=1280&bih=938&num=10&lr=&ft=i&cr=&safe=images
    หรือค้นหาโดยใช้
    title script src http “sl php” script “lilupophilupop com” site:.th
    จาก google ดูสิ
     
     
    ข้อมูลเพิ่มเติมอ่านที่ http://blog.sran.net/archives/658

    สถิติภัยคุกคาม ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในรอบปี 2011

    เริ่มต้นปีใหม่เราจะทำอะไร เหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เรามีแต่การคาดการณ์ แต่หากเราเรียนรู้กับอดีตที่เคยเกิดขึ้นมาเป็นบทเรียนและเตรียมรับมือ พร้อมทั้งเรียนรู้ให้เท่าทันถึงภัยคุกคามที่อาจขึ้นน่าจะเป็นสิ่งที่ดี สำหรับการดำเนินชีวิตอย่างไม่ประมาท

    ดั่งคำกล่าวที่ว่า “จะรู้ทิศทางอนาคต ก็ต้องรู้จักเหตุการณ์จากอดีต”

    จึงเป็นที่มาให้ทีมพัฒนา SRAN ได้ทุ่มเท ความรู้ ที่มีจัดทำฐานข้อมูลภัยคุกคามที่เกิดขึ้นเพื่อเป็นการรายงานผล จัดในรูปแบบสถิติที่เกิดจากการใช้งานอินเทอร์เน็ตภายใน ประเทศไทยขึ้น โดยพัฒนาระบบนี้มานานกว่าจะออกเป็นผลลัพธ์ในเว็บ www.sran.net ซึ่งในปีนี้ก็คิดว่าระบบดังกล่าวจะสมบูรณ์มากขึ้นและเป็นประโยชน์ต่อสังคมให้ ได้เรียนรู้ถึงทิศทางภัยคุกคามที่เกิดขึ้นจากอดีตจนถึงปัจจุบันได้

    เป้า หมายที่ตั้งไว้ คือ ต้องการระบบที่ตรวจสอบและแจ้งผลเว็บไซต์ Website / domain / IP Address ที่เป็นภัยอันตรายต่อการใช้งานนักท่องอินเทอร์เน็ต และทำให้ผู้ดูแลระบบที่ประสบภัยคุกคามได้มีมาตรการในการป้องกันภัยและแก้ไข ได้ทันสถานการณ์มากขึ้น โดยมีการจัดการข้อมูลในรูปแบบของสถิติซึ่งสามารถอ่านรายละเอียดได้ที่ http://nontawattalk.blogspot.com/2011/09/blog-post_04.html หรือ http://blog.sran.net/archives/640

    ดัง นั้นก่อนที่จะคาดการณ์ภัยคุกคามในอนาคต เราจึงควรเรียนรู้ภัยคุกคามในรอบปีที่แล้วที่ผ่านมาเพื่อมาวิเคราะห์ถึง ทิศทางของภัยคุกคามที่เกิดขึ้นในประเทศไทยได้อย่างถูกต้องและแม่นยำมากขึ้น

    โดยในรอบปี 2011 ที่ผ่านมานั้น สรุปภัยคุกคามที่เกิดขึ้นได้ดังนี้
    SRAN : Thailand Internet Threat Statistic 2011

    ภาพที่ 1 : สถิติภัยคุกคามที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในรอบปี 2011

    ภัยคุกคามที่ทางทีมพัฒนา SRAN ได้จัดทำขึ้นประกอบด้วย
    1. Malware : คือ Website / Domain / IP Address ภายในประเทศไทย ที่เป็นพาหะที่ทำให้ผู้ใช้งานติดไวรัสคอมพิวเตอร์ หรือ file ที่ไม่เหมาะสม ที่ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ (computer) คอมพิวเตอร์พกพา (notebook ,tablet) และสมาร์ทโฟม (smart phone/mobile ) ที่ขาดระบบป้องกันที่ทันสมัยอาจมีโอกาสติดเชื้อไปด้วย

    สรุปภาพรวมทั้งปี 2011 เกิดขึ้นเป็นจำนวน 1,057 ครั้ง ลงเมื่อเทียบกับปี 2010

    2. Web Attack : คือ Website / Domain / IP Address ภายในประเทศไทย ที่ถูกโจมตี (Hacking) เข้าถึงระบบและเปลี่ยนข้อมูลในหน้าเพจเว็บไซต์

    สรุปภาพรวมทั้งปี 2011 เกิดขึ้นเป็นจำนวน 6,331 ครั้ง เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2010

    3. Phishing : คือ Website / Domain / IP Address ภายในประเทศไทย ที่เป็นการหลอกลวงทำให้ผู้ใช้งานเข้าใจผิดและส่งผลกระทบต่อการใช้งานปกติ ซึ่งทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ (computer) คอมพิวเตอร์พกพา (notebook ,tablet) และสมาร์ทโฟม (smart phone/mobile ) ที่ขาดระบบป้องกันที่ทันสมัยอาจมีโอกาสติดเชื้อ Malware หรือเป็นเหยื่อของนักโจมตีระบบได้อีกด้วย

    สรุปภาพรวมทั้งปี 2011 เกิดขึ้นเป็นจำนวน 875 ครั้ง เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2010

    4. Vulnerability : คือ ช่องโหว่ของโปรแกรม, แอฟลิเคชั่น (Application), OS (Operating System) ที่สามารถเข้าระบบ หรือทำให้ระบบไม่สามารถทำงานได้อย่างปกติ เป็นผลให้เกิดการโจมตีขึ้นได้

    สรุปภาพรวมทั้งปี 2011 เกิดขึ้นจำนวน 5,442 ครั้ง ลงเมื่อเทียบกับปี 2010

    5. Proxy : คือ Website / Domain / IP Address ที่ทำตัวเองเป็นตัวกลางในการติดต่อสื่อสาร ซึ่งมีโอกาสที่เป็นเครื่องมือของผู้ไม่ประสงค์ดี และเป็นช่องทางในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ เพื่อปิดบังค่า IP Address ที่แท้จริงของผู้ใช้งานได้

    สรุปภาพรวมทั้งปี 2011 เกิดขึ้นจำนวน 12,709 ครั้ง เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2010

    ทั้งปี 2011 สรุปภัยคุกคามทั้ง 5 ประเภทรวมทั้งเป็น 26,394 ครั้ง เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2010 ดูรายละเอียด

    ประเภทองค์กรภายในประเทศไทย ที่พบภัยคุกคามเป็นภาพรวม

    แบ่งเป็น 3 ชนิดภัยคุกคาม 7 กลุ่ม คือ ชนิดภัยคุกคามจะประกอบด้วย 7 กลุ่ม ดังนี้

    ชนิดของภัยคุกคามทั้ง 3 ชนิดประกอบด้วย

    ชนิดที่ 1 : เว็บไซต์ในประเทศไทยที่ถูกโจมตี ได้แก่ การโจมตีชนิดที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลในเว็บไซต์ (web defacement)
    ชนิดที่ 2 : เว็บไซต์ในประเทศไทย ที่ตกเป็นฐานของฟิชชิ่ง (Phishing) จนกลายเป็นเว็บหลอกลวง
    ชนิด ที่ 3 : เว็บไซต์ในประเทศไทย ที่ติดไวรัสคอมพิวเตอร์ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเว็บไซต์ที่ถูกโจมตีแล้วสามารถเข้าถึงระบบได้จากนั้น จึงนำ file ที่ติดไวรัสเข้ามาใส่ในเว็บไซต์เพื่อใช้หลอกให้ผู้ใช้งานติดไวรัสต่อไป
    ภาพที่ 2 ภาพรวมค่าสะสมจากอดีตจนถึงปัจจุบันบนระบบฐานข้อมูลภัยคุกคามที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เมื่อแยกตามประเภทขององค์กร

    ในรอบปี 2011 ที่ผ่านประเภทองค์กรที่พบภัยคุกคามดังนี้

    ภาพที่ 3 สถิติภัยคุกคามเมื่อทำแยกแยะตามประเภทขององค์กร ที่เกิดในรอบปี 2011

    ซึ่งแยกแยะตามรายชื่อโดเมนตามชื่อหน่วยงาน ได้ 7 กลุ่ม
    1. สำหรับการศึกษา (Academic) จำนวนที่พบภัยคุกคามคือ 1,433 ครั้ง
    2. สำหรับบริษัทห้างร้าน (Commercial Companies) จำนวนที่พบภัยคุกคามคือ 1,162 ครั้ง
    3. สำหรับรัฐบาล (Governmental Organizations) จำนวนที่พบภัยคุกคามคือ 3,406 ครั้ง
    4. สำหรับทหาร (Military Organizations) จำนวนที่พบภัยคุกคามคือ 129 ครั้ง
    5. สำหรับหน่วยงานที่ไม่หวังผลทางการค้า (Registered Non-profit Organizations) จำนวนที่พบภัยคุกคามคือ 90 ครั้ง
    6. สำหรับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (officially registered Internet Service Providers) จำนวนที่พบภัยคุกคาม คือ 2 ครั้ง
    7. สำหรับหน่วยงานทั่วไป (Individuals or any others) จำนวนที่พบภัยคุกคาม คือ 528 ครั้ง

    บทวิเคราะห์
    โดย รวมทิศทางข้อมูลเชิงสถิติภัยคุกคามที่เกิดขึ้นในประเทศไทยโดยรวมนั้นมีอัตรา สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปตามการเข้าถึงเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตที่มีอัตราการใช้งานเพิ่มขึ้น ทุกปีเช่นกัน ภัยคุกคามในแต่ละประเภทที่จัดทำเป็นสถิตินั้นเป็นภัยคุกคามที่เชื่อมโยง ถึงกันซึ่งอาจเกิดจากส่วนใดส่วนหนึ่งก่อนแล้วเกิดผลตามมา ยกตัวอย่างเช่น เกิดจาก Web Attack ก่อน เมื่อนักโจมตีระบบ (Hackers) เข้าถึงระบบ Web Application ได้แล้วก็จะทำการเข้าถึง Web Server และระบบปฏิบัติการ OS ตามลำดับจากนั้นทำการติดตั้ง Malware และทำให้ Website / Domain / IP Address นั้นเป็นพาหะที่ทำให้เกิดติดเชื้อ และแพร่กระจายกลายข้อมูลผ่าน Link ต่างๆ ตาม Web board , Social network หรือ e-mail ในลักษณะ Phishing เป็นต้น
    ซึ่งผู้ใช้งานควรมีความตระหนักรู้เท่าทันภัยคุกคามและหมั่นตรวจ สอบความปลอดภัยข้อมูลเป็นระยะโดยดูช่องโหว่ (Vulnerability) ของซอฟต์แวร์ , OS ที่ตนเองมีอยู่ ใช้อยู่ หากมีการแจ้งเตือนช่องโหว่ควรศึกษาว่าช่องโหว่นั้นมีผลต่อการใช้งานอย่างไร หากเป็นช่องโหว่ที่เข้าถึงเครื่องคอมพิวเตอร์เราได้นั้นควรรีบแก้ไขโดยเร็ว อย่างมีสติ หากเป็นผู้ดูแลระบบนั้นต้องหมั่นดูแลเรื่องนี้เป็นพิเศษ
    ที่น่าสนใจคือทิศทางของการใช้งาน Proxy ทั้งที่เป็น Proxy Server , Anonymous Proxy ซึ่งมีการใช้งานที่สูงขึ้นมากอาจเป็นต้องการรักษาความลับและความเป็นส่วนตัว ของผู้ใช้งานมากขึ้น และอีกประเด็นคือที่ระบบ SRAN ตรวจพบ Proxy เยอะก็เพราะอาจมีการเข้าถึงระบบโดยเข้ายึดเครื่องและแปลงสภาพเครื่องที่ยึด ได้นั้นมาเชื่อมต่อการใช้งานแบบ Proxy เพื่ออำพรางการกระทำใดบางอย่าง ซึ่งเทคนิคดังกล่าวนี้จะส่งผลให้การสืบสวนทางอินเทอร์เน็ตทำได้ยากลำบากมาก ขึ้นนั้นเอง โดย IP Address ที่พบในฐานข้อมูลก็บ่งบอกว่ามีทั้งเครื่องแม่ข่าย (Server) และ เครื่องลูกข่าย หรือเครื่องผู้ใช้งานทั่วไป จากเมื่อก่อนการทำ Proxy ได้นั้นควรจะเป็นเครื่องแม่ข่าย แต่นี้ก็แสดงถึงการยึดระบบนั้นเข้าถึงเครื่องใช้งานทั่วไปของคนปกติที่ ออนไลน์ตลอดเวลาไม่ว่าเป็นเครื่องตามบ้านผ่าน ADSL ความเร็วสูงหรือแม้กระทั่งบนสมาร์ทโฟนที่ online อินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ซึ่งเทียบได้กับ Server ในอดีตแต่การเปลี่ยนค่า IP Address จะไม่คงที่เท่ากับเครื่อง Server ซึ่งเท่ากับว่าเราๆท่านๆอาจมีโอกาสเป็นเครื่องมือของผู้กระทำความผิดได้เช่น กัน

    ด้วยความปรารถนาดีจาก ทีมพัฒนา SRAN
    SRAN Dev Team

    สวัสดีปีใหม่ครับ

    ปล. ข้อมูลสถิติที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากซอฟต์แวร์ zemog bot (สีหมอกบอท) ที่เป็นงานวิจัยและพัฒนาขึ้นจากทีมงาน SRAN สร้างขึ้น หลักการณ์เป็นการทำงานแบบ crawler โดยสร้างเป็นบอท (robot) พิเศษที่มีความชาญฉลาดกว่า crawler ทั่วไป หน้าที่คือตรวจสอบข้อมูลเมื่อพบ ASN (Autonomous System Number)ในประเทศไทยแล้วค้นหาตาม IP Address / Domain ที่พบภัยคุกคามจากแหล่งข่าวต่างๆ บนโลกอินเทอร์เน็ต แล้วนำมานำรวบรวมข้อมูล คัดแยกข้อมูลแล้วนำเสนอเป็นข้อมูลเชิงสถิติ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าตัวเลขที่พบเป็นภัยคุกคามที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่เป็นการเกิดจากบอทที่สร้างขึ้นและค้นพบในโลกอินเทอร์เน็ต

    รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่ http://www.sran.net/statistic

    ผ่าพิสูจน์ Twitter


    หลายท่านที่เป็นนักท่องอินเทอร์เน็ตคงรู้จักเจ้านกน้อย Twitter กันเป็นอย่างดี Twitter เป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่คนทั่วโลกนิยมใช้ลักษณะการส่งข้อความสั้นๆไว้อธิบาย, ถ่ายทอดและแสดงออกถึงความรู้สึกนึกคิดของตนเองหรือไว้แจ้งข่าวสารต่างๆ หลายคนก็นำเอา Twitter ใช้ในการแจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย หรือไว้ทำการโฆษณาขายสินค้าและบริการ ด้วยก็มี ด้วยมีเนื้อหาจำกัดในการส่งข้อความทำให้ต้อง “tweet” กันถี่ๆ และ re-tweet กันไป .. ถึงอย่างไรข้อความที่ขึ้นบน twitter ก็หาใช่ว่าจะมีความถูกต้องและน่าเชื่อถือ เพราะผู้ส่งนั้นอาจไม่ใช่คนส่งข้อความที่แท้จริงก็ได้ หรือส่งข้อความที่ไม่ใช่เรื่องจริง ซึ่งเหตุผลประการใดนั้นก็สุดแล้วแต่ผู้รับข้อมูลข่าวสารจะใช้ดุลพินิจพิจารณาต่อไป

    ผมเขียนบทความนี้ขึ้นอาจจะอยู่ในช่วง Hot ๆ พอดี เนื่องด้วย Twitter ของท่านนายกฯ (twitter.com/PouYingluck) ถูก Hack หรือมีผู้เข้าถึงข้อมูล account ที่ไม่ใช่ของตนเองขึ้น จะพบว่าข้อความที่ปรากฏต่อสาธารณะทางอินเทอร์เน็ตจึงดูว่าไม่ใช่ตัวจริงที่ส่งข้อความ .. ซึ่งกรณีนี้ผู้กระทำนั้นมีฐานความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ คอมพิวเตอร์ฯ อย่างแน่นอนอย่างน้อย มาตรา 5 และ 14 เป็นต้น แต่ทั้งนี้ก็อย่าได้ตื่นเต้นไปเลยเพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่คนดังจะถูก Hack ผู้นำประเทศหรือแม้กะทั่งคนที่ทำ facebook เองก็ยังเคยโดน hack มาแล้ว

    ก่อนที่จะทำอะไร เราควรรู้องค์ประกอบของระบบ Twitter เสียก่อน ผมก็ถือโอกาสนี้ชำแหละกระบวนการติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ใช้งาน (เราๆ ท่านๆ) ไปเรียกติดต่อระบบเครื่องแม่ข่าย Twitter ที่การทำงานเป็น Cloud computing ทั้งหมด ดังนี้

    1. ควรรู้ที่ตั้ง Twitter เพื่อเกิดปัญหาจะได้ติดต่อได้ถูกต้อง

    ที่ตั้งของ Twitter โดยการ whois แล้วคือ (รายละเอียดที่ http://www.sran.net/search?q=twitter.com)

    Domain Name………. twitter.com
    Creation Date…….. 2000-01-22
    Registration Date…. 2011-08-31
    Expiry Date………. 2019-01-22

    Organisation Name…. Twitter, Inc.
    Organisation Address. 795 Folsom Street
    Organisation Address. Suite 600
    Organisation Address. San Francisco
    Organisation Address. 94107
    Organisation Address. UNITED STATES
    Admin Address…….. 795 Folsom Street
    Admin Address…….. Suite 600 San Francisco 94107 UNITED STATES
    Admin Email………. admin@melbourneitdbs.com
    Tech Email……….. domains-tech@twitter.com
    Admin Phone………. +415.2229670
    Admin Fax………… +415.2220922

    — หากกระทรวงฯ / หน่วยงานที่ได้รับหน้าที่ ต้องการติดต่อขอข้อมูลควรทำการติดต่อไปที่ e-mail/เบอร์โทร/fax ของผู้ดูแลระบบจากข้อมูลที่กล่าวมานี้ จะเป็นช่องทางที่สามารถติดต่อกับทางบริษัท Twitter ได้

    2. ระบบเครือข่าย Twitter มีหน้าตาอย่างไร
    Twitter มีโครงข่ายของตนเองโดยมี Autonomous System Number (ASN) ประกอบด้วย
    2.1 AS13414 ซึ่งเป็นของ Twitter Inc.
    2.2 AS35995 ซึ่งเป็นของ Level 3 Communications, Inc.

    2.3 AS33517 DYNDNS Dynamic Network Services, Inc. ASN
    2.4 AS15169 Google , Inc
    ทั้งหมดมีชุด IPv4 และ IPv6 จำนวนไม่น้อย ในที่นี้ขอยกตัวอย่างเฉพาะ IPv4 คืออยู่ที่ 2 ชุด ซึ่งถือได้ว่าเป็นคลังแสงของระบบ twitter ทั้งหมดอยู่ที่นี้ ได้แก่ 199.59.148.0/22 และ 199.16.156.0/22 ถ้ารวมแบบเบื้องต้นแล้วจะพบว่ามี IPs allocated จำนวน 2,048 IPs ที่เชื่อมโยงกันเป็นระบบเครือข่ายของ Twitter ซึ่งจำนวน IPs เหล่านี้ทำหน้าที่เป็น Cluster ทั้งระดับ Server Base (เครื่องแม่ข่าย),ระดับ Application (ซอฟต์แวร์) ต่อเชื่อมกันเป็น Cloud Computing ขึ้น
    ดังนั้นการแกะรอย IP Address ต้องเข้าใจว่าปลายทางที่เกิดเหตุอาจจะกระจายอยู่ในกลุ่มก้อนเมฆ( Cloud Computing) ใดที่หนึ่งก็ได้ (เครื่องใดเครื่องหนึ่งอาจจะไม่ใช่เครื่องที่เรา Ping เจอหรือ Trace route เจอเป็นต้น)
    ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องด้วย Twitter , Facebook , Youtube ล้วนเป็น Social Network ที่คนไทยนิยมใช้
    ในระดับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย (ISP : Internet Services Provider) อาจมีการทำ Peering
    เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลก็เป็นไปได้ เพื่อเป็นการเอาใจลูกค้าหรือรักษาลูกค้าให้มาใช้บริการของตน เนื่องจากการทำ Peering หรือ Caching นั้นทำให้การรับส่งข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น หากเป็นเช่นนี้ก็จะทำให้การตรวจสอบข้อมูลต้องเพิ่มขั้นตอนไปที่ตรวจสอบที่ผู้ให้บริการ Peering หรือ Caching เหล่านั้นด้วย ที่นิยมในประเทศไทย ก็มีบริการของ Akamai Network และ Global Crossing เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นการทำ Caching ในระดับ Web Application เท่าที่เห็นว่าส่วนใหญ่ข้อมูลทำติดต่อสื่อสารกันระหว่างประเทศไทย สิงคโปร์ และ มาเลเซีย เพื่อติดต่อไปยังเครือข่ายตัวจริงของระบบ Social network ที่นิยมใช้กัน

    ภาพ 1 : เป็นการ whois ASN ที่เชื่อมโยงกับ twitter จาก Hurricane Electric whois

    ภาพที่ 2 : เมื่อพิจารณาการเชื่อมข้อมูลของโดเมน twitter.com จาก Robtex whois
    จะเห็นว่าความสัมพันธ์ในการติดต่อสื่อสาร twitter มีการเชื่อมโยงกับหลายส่วน โดยศูนย์กลางอยู่ที่ช่วง IPs จาก AS13414
    อ่านเพิ่มเติมจาก : บทความเก่าที่เคยเขียน เรื่อง ปัจจัยทั้ง 4 ในการสืบสวนหาผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

    ดังนั้นในกรณีที่ต้องการตรวจสอบหา IP Address ของไทยไปยัง Twitter (โดยไม่ใช้วิธีขอ Log จาก Twitter ตรงๆ) ก็ทำได้โดยการขอความร่วมมือกับ ISP ในประเทศไทย เพื่อดู Flow ในการติดต่อสื่อสารไปยัง ASN ที่
    กล่าวมาได้ซึ่ง Network Flow ที่กล่าวมาควรมีการเห็นดั้งนี้คือ

    – Time ที่ตรงตามเวลามาตราฐาน เช่น หน่วยวัดเวลาของมาตรวิทยา
    – Source IP ซึ่งเป็น Public IP ภายในประเทศไทย
    – Destination IP ซึ่งเป็น IP allocate จาก AS13414
    – และ Port Application (HTTP , HTTPS และ DNS) ในที่นี้ดูเฉพาะ Port ปลายทางก็พอคือ 80 และ 443 ที่เป็นการติดต่อแบบ TCP เบื้องต้นประมาณนี้ก่อน

    ซึ่งในปัจจุบันมี ISP ไม่กี่ที่ที่สามารถตรวจสอบการเชื่อมต่อดังกล่าวมาได้ และคงไม่มีใครมา capture traffic ข้อมูลที่เกิดขึ้นจากการใช้งานอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยอยู่ตลอดเวลาเป็นแน่

    * อยากทราบข้อมูลเพิ่มในส่วนนี้ลองอ่านบทความเก่าๆ ของผมดูสิ เรื่อง ข้อเท็จจริงในการดักข้อมูล และ รู้ทัน Sniffer

    3. ข้อสังเกตสำหรับการตรวจสอบข้อมูล จากการเรียกข้อมูล Twitter ผ่าน Web Application

    Twitter ถือได้ว่าเป็น Web 2.0 การเปิดเว็บไซต์เพียงเว็บเดียว โดเมนเดียว แต่เบื้องหลังของการเชื่อมนั้นติดต่อไปหลากหลายที่ ซึ่งจะทำการพิสูจน์ให้เห็นโดยใช้ account twitter ของผู้เขียนเองมานำเสนอให้เห็นถึงขั้นตอนการติดต่อสื่อสารภายในระบบ twitter

    3.1 เมื่อทำการเข้าเว็บ http://twitter.com และทำการ Login เพื่อเข้าสู่ระบบหากใส่ username และ password ถูกต้อง
    เบื้องหลังที่เรามองไม่เห็นผ่านหน้าจอ พบว่ามีการติดต่อไปยังหลากหลาย Source

    ภาพ 3 : การ login โดยใช้ account ของผู้เขียนและเปิดโปรแกรมชนิด Revert Proxy เพื่อทำการวิเคราะห์ลักษณะการติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ใช้งานและฝั่งเครือข่ายให้บริการ twitter

    จะเห็นการติดต่อสื่อสารระหว่างเครื่องผู้ใช้งาน (ตัวเรา) กับระบบ Twitter เพียงเสี้ยววินาที จะเห็นว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราติดต่อไปยังหลายโดเมน และมีลักษณะเช่นนี้ตลอดเวลาที่เปิดหน้าเว็บ twitter ขึ้น

    3.2 สังเกตค่า session ID

    สิ่งที่น่าสังเกตคือ session ที่เกิดขึ้นเบื้องหลังที่ติดต่อไปที่หน้า http://twitter.com/sessions?phx=1
    นั้นจะมีลักษณะ Method เป็น POST หากใช้โปรแกรมพวก Sniffer ดักข้อมูลในส่วนนี้ (ภายในเครื่องตัวเอง)
    จะพบว่าสามารถมองเห็น Username หรือ e-mail และ password ที่ใช้ในการ login ได้


    ภาพ 4 : ค่า session ID ที่พบซึ่งไม่มีการเข้ารหัสในส่วนนี้
    จากภาพ session[username_or_email] และ session[password] จะเป็นค่า plain text ที่สามารถดักข้อมูลได้ ซึ่งการทำ session hijack ก็จะสามารถปลอมเป็น account ที่ใช้งานเป็นคนอื่นได้ อาจไม่ต้องทราบถึง password ก็เข้าใช้ account ผู้อื่นได้ (วิธีขโมย session ต้องทำในเครือข่ายเดียวกัน หรือ วง Network ภายในเดียวกัน)

    3.3 สังเกตค่า cookie
    ค่า cookie หากไม่มีทำการล้างข้อมูลหรือลบค่า cookie ในเครื่องจะทำให้มีรอยประวัติทิ้งไว้อยู่ว่าในวันเวลาดังกล่าวได้เข้ามาใช้งาน (login) twitter จริง


    ภาพ 5 : การแสดงค่า cookie จากการใช้งาน twitter ทั้งฝั่งผู้ใช้งานและผู้ให้บริการในระดับ application layer ของทาง twitter

    จะเห็นได้ว่า ค่า cookie sent และค่า cookie received โดยเฉพาะค่า Cookie Received จะได้ auth_token ซึ่งส่วนนี้ twitter ใช้เทคโนโลยีที่ชื่อว่า Oauth มาช่วยกำหนดเรื่องสิทธิต่างๆ ค่า auth_token แต่ละคนจะไม่เหมือนกันเช่นเดียวกับค่า twid ก็ไม่ซ้ำกันเป็นต้น ในค่า cookie จะมีการบันทึกไว้ทั้งฝั่งผู้ใช้งานและ ฝั่งผู้ให้บริการ Application twitter ดังนั้นพบผู้ต้องสงสัยแล้วหลักฐานในส่วนนี้ก็จะยืนยันได้ว่าเป็นผู้กระทำการจริงเป็นต้น
    cookie ก็สามารถขโมยได้เหมือนกับการ ขโมย session ID โดยเฉพาะ หากมีการดัก cookie แล้วได้ค่าหมายเลข cookie เป้าหมายเมื่อไหร่ก็สามารถนำค่า cookie เป้าหมายมาทำการใส่ค่า long string ที่ “Set-Cookie: _twitter_sess=xxxxxxxxxxx” มาแทนค่า cookie ของเราเอง ก็สามารถขโมย user ของ twitter ได้เช่นกันด้วยเทคนิคนี้เมื่อขโมย cookie มาได้แล้วทำการ refresh หน้าเพจก็สามารถกลายเป็นบุคคลอื่น / account อื่นโดยไม่จำเป็นต้องรู้ username และ password ,ถ้าผู้ใช้งานผ่าน SSL ก็จะทำการดักข้อมูลทำได้ลำบากขึ้นได้ (ต้องอยู่ในเครือข่าย LAN เดียวกันแล้วทำเทคนิค MITM : Man In The Middle) โดยมากจะผ่าน SSL เมื่อใช้คอมพิวเตอร์ / บราวเซอร์ ที่แสดง User-agent เป็น PC ทั่วไป แต่หากใช้ Mobile Application เพิ่มความสะดวกในการใช้ twitter บาง application ติดต่อโดยไม่มีการเข้ารหัสซึ่งเป็นผลให้การดักข้อมูลทำได้ง่ายขึ้นเช่นกัน
    3.4 สังเกตค่า Timeline เพื่อหาเวลาที่แน่นอน ซึ่งส่วนนี้เราแทบจะไม่สามารถดูผ่านหน้าเว็บ twitter ได้เลยว่าเวลาที่โพสเวลาอะไรกันแน่ จะเห็นเวลาคร่าวๆเช่นผ่านมาแล้ว 5 ชั่วโมงเป็นต้น หากดูที่ user timeline จะพบเวลาที่เป็นนาทีได้
    ภาพที่ 6 : เมื่อนำค่า pcap (Packet Capture :อ่านเพิ่มเติม) จากการใช้งาน twitter มาเปิดในโปรแกรม Wireshark จะพบค่า URI สำหรับบอก Timeline และค่า Key Oauth ที่ระบุถึงการใช้สิทธิ (Authorization) ในโปรแกรม twitter ซึ่งจากค่าดังกล่าวก็จะสามารถหาเวลาที่ทำการ Post ข้อความได้แม่นยำขึ้น แต่หากไม่มีเครื่องสามารถดูผ่านค่า Feed RSS ของ User Timeline ของผู้นั้นได้เช่นกัน
    ในกรณีนี้จะพบว่าการส่งข้อความที่ไม่ใช่ตัวจริงส่งนั้นเกิดขึ้นเมื่อเวลา 10:22 AM ของวันที่ 2 ตุลาคม 2554
    ภาพที่ 7 : แสดงค่า Timeline จาก RSS Feed ที่พบจะเห็นวันเวลาที่ละเอียดขึ้นจะพบว่าช่วงเวลาที่โพสนั้นห่างกันเพียงแค่ นาทีต่อนาที โดยรวมไม่เกิน 10 นาทีต่อหนึ่งข้อความ ต่อเนื่องกันตั้งแต่ 10.22 AM -10:43 AM จำนวน 8 ข้อความ
    4. ช่องโหว่ที่เกิดขึ้นโดยเข้าถึงสิทธิการใช้งานผู้อื่น
    4.1 การทำ Forgot password
    หากเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป อาจนำไปใช้ในขั้นตอน Forgot password ได้
    หรือเดารหัสผ่านจากข้อมูลส่วนตัวอื่นๆเช่น บ้านเลขที่ เบอร์โทรศัพท์ ทะเบียนรถ ชื่อบุคคลที่เรารัก เป็นต้น
    4.2. การติด malware
    การติดตั้งโปรแกรมโดยมิได้ติดตั้งจากแหล่งที่น่าเชื่อถือได้ อาจติด malware ที่มีความสามารถในการขโมยข้อมูลส่วนตัวได้ ไม่ว่าจะใช้มือถือ คอมพิวเตอร์พกพา หรืออื่นๆ malware จะเป็น Spy เช่น เป็น Keylogger จับข้อมูลผ่านแป้นคียบอร์ด คอยส่งข้อมูลให้กับ Hacker ก็อาจเกิดขึ้นได้

    4.3 อื่นๆ ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ล้วนเป็นทางเทคนิค หากการเข้าถึงข้อมูลผู้อื่นนั้นอาจไม่ได้มาจากทางเทคนิคอย่างเดียว เป็นเพียงเส้นผมบังภูเขาก็ได้ เช่น กรณีที่ Password ง่ายต่อการเดา , การถือ Account มีหลายคน , การเก็บบันทึก Account เพื่อการเข้าถึงข้อมูลเปิดเผยมากเกินไป เช่นเก็บบันทึกในสมุดโน็ต , ที่เครื่องมือถือ และโน็ตบุ๊ต เป็นต้น ก็สุดแล้วแต่ความประมาทของคนที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น

    ในอนาคตเราอาจจะพบว่าการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างไม่เหมาะสมจนทำให้เกิดความเสียหาย และเกิดฐานความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์จะมีมากขึ้น เป็นไปตามจำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตที่สูงขึ้นอยู่ทุกปี คงถึงเวลาแล้วที่ภาครัฐควรเอาใจใส่ในเรื่องการตรวจหาผู้กระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์อย่างจริงจัง โดยอาจจะต้องมาศึกษาเรื่อง Lawful Interception ซึ่งในประเทศที่พัฒนาแล้วก็มีการทำเรื่องตรวจสอบข้อมูลการใช้งานอินเทอร์เน็ตทั้งสิ้น ประเทศเราเคยทำมาก่อนหน้านี้คือศูนย์ ISOC แต่กับเห็นว่าไม่ได้มีการทำการต่อแล้ว หากเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญและมีโอกาสกระทบต่อความมั่นคงของชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และประชาชนผู้ใช้งานโดยตรงด้วยแล้วนั้น ควรกลับมาดูแลเรื่องการตรวจสอบข้อมูลอย่างจริงจัง และควรใช้อำนาจเจ้าหน้าที่พนักงานที่ถูกแต่งตั้งให้สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ตามกฏหมาย พ.ร.บ ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ให้เป็นประโยชน์ ส่วนสังคมจะมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิ ก็ต้องสร้างความเข้าใจว่าเป็นการตรวจสอบ IP Address ที่ต้องสงสัย หาใช่ว่าเพียงทราบ IP Address จะรู้ว่าใครเป็นใคร (Who) ทำอะไร (What) เวลาใด (When) อย่างไรก็ต้องผ่านขั้นตอนขอหมายศาล และขั้นตอนการขอรายชื่อ account ผู้ใช้งานในระบบ billing ของฝั่งผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต หรือ ISP อยู่ดี ซึ่งมีขั้นตอนอีกไม่น้อย ดังนั้นหากใช้ข้อมูลอินเทอร์เน็ตอย่างสร้างสรรค์และถูกต้องไม่ต้องกลัวว่าจะโดนตรวจสอบ การตรวจสอบไว้ป้องปรามอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ที่มีมากขึ้นๆ จนเป็นปัญหาสังคม และมีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศชาติได้เช่นกันหากไม่มีมาตรการอันใดที่จะมาตรวจสอบข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตในอนาคต